นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (เคเพี) เปิดเผยว่า จากกรณีสหรัฐและจีน บรรลุข้อตกลงลดภาษีนำเข้าสินค้าลงถึง 115% โดยสินค้าสหรัฐส่งสินค้าไปจีนเสียภาษี 10% จากเดิม 125% ขณะที่สินค้าจีน ส่งไปยังสหรัฐเสียภาษี 30% จาก 145% ยืดเวลาออกไป 90 วันนั้น เบื้องต้นว่ามองเป็นข้อตกลงหยุดยิงกันมากกว่า คือ ข้อตกลงยังไม่ได้มีอะไรออกมาเลย จึงหมายความว่า ตอนนี้เป็นการเจรจาหยุดยิง เพื่อหยุดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทั้งสองฝั่ง และใช้เวลาที่เหลือเริ่มเจรจาระหว่างกัน ทำให้เงื่อนไขหรือข้อตกลงน่าจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แต่ต้องบอกว่าเป็นภาพที่ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ แม้ความจริงจะมองว่า การเจรจากันจะต้องเบาลงได้ ไม่ใช่หนักขึ้น แต่อัตราภาษีที่ปรับลดลงระหว่างกัน ถือว่าออกมามากกว่าที่ตลาดมองไว้เดิมในระดับ 40-50% เพราะบางมุมมอง มองว่า ทรัมป์ เกทับจีนด้วยซ้ำ ยืนยันสหรัฐทนไหวแน่นอนกับการปรับขึ้นภาษีแบบนี้ ซึ่งจีนก็บอกว่าไม่สน แทนที่จะเร่งเข้ามาเจรจากับสหรัฐทันที แต่ปรากฏว่าท่าทีเฉยเมย ทำให้สหรัฐต้องถอยเอง เพราะความเสียหายอาจเกิดได้ง่าย
“การเจรจากันครั้งนี้เกิดขึ้นเร็วมาก เดิมตลาดคาดว่าคงเจรจากันไปสักระยะ ก่อนทำข้อตกลงกันได้แล้วจึงลดภาษีระหว่างกันลง ปรากฏว่า คุยกันสองวันแล้วก็หยุดเลย สะท้อนให้เห็นว่า ความเสียหายที่มันเกิดขึ้นกับทั้ง 2 ฝ่ายเจ็บทั้งคู่จริงๆ คือสหรัฐเองคงรู้สึกว่า หากไม่รีบเอาภาษีลง จะมีความเสียหายจริงๆ เกิดขึ้น ทั้งเศรษฐกิจอาจชะลอตัว หรือของอาจแพงขึ้นจริงๆ การเจรจาหยุดยิงจึงถือว่าสมเหตุสมผลที่เกิดขึ้น หลังจากนี้เงื่อนไขคือ เอาเวลา 90 วันไปหาข้อตกลงมาให้ได้ว่าจะตกลงอะไรกัน เพราะตอนนี้ถือว่ายังแทบไม่ได้มีข้อตกลงอะไรกันเลย” นายพิพัฒน์ กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ความจำเป็นในการเจรจาของประเทศไทย มีความจำเป็นเพิ่มมากขึ้นอีกมาก เพราะลองนึกภาพว่า หากจีนเจรจาได้ภาษีที่ลดลงแค่ 10% จริงๆ ขณะที่ไทยโดน 36% แบบนี้คือ ประเทศไทยเลิกพูดได้เลย ไม่ต้องส่งออกไปขายแล้ว เพราะสู้ไม่ได้อยู่ หากภาษีแพงกว่าจีน 20% กว่า รวมถึงต้นทุนสินค้าจีนถูกกว่าสินค้าของไทยเยอะด้วย โดยจากเดิมประเมินว่า หากบทสรุปถูกขึ้นภาษี 10% แต่จีนโดน 30-50% ก็ยังดี เพราะอาจมีนักลงทุนย้ายฐานการผลิตออกมาจากจีนบ้าง หรือสินค้าไทยอาจถูกลงเมื่อส่งไปสหรัฐ แต่เกิดจีนโดนภาษีต่ำกว่าที่เราโดน ถือเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก การเดิมพันของการเจรจาจะใหญ่ขึ้นไปอีก ไม่ได้ลดลงเลย
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ภาคการส่งออกในปัจจุบัน ประเมินว่าความเสี่ยงยังไม่ได้มากนัก การส่งออกน่าจะเร่งตัวขึ้นในช่วงนี้ เพราะอัตราภาษีที่ยืดให้ยังเท่าเดิม แต่หากเข้าใกล้ครบ 90 วันตามที่สหรัฐกำหนดไว้แล้ว แต่ไทยยังเจรจาไม่เสร็จ หรือไม่ได้มีการเจรจาหยุดยิงแบบจีน มองว่าเราจะเดือดร้อนค่อนข้างมากของจริง เป็นความเสี่ยงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ รวมถึงสิ่งที่จะน่ากลัวที่สุดคือ หากทุกประเทศสามารถคุยกันได้หมดแล้ว อาทิ จีน เวียดนาม ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลี คุยกันได้หมดแล้ว เกิดไทยยังคุยกันไม่ได้ อันนี้คือเรื่องใหญ่มาก ต้องหาทางว่า จะเจรจาร่วมกันอย่างไรให้บรรลุข้อตกลงระหว่างกัน
