โฆษณาชวนเชื่อ!? รัฐปั้นG-Tokenระดมทุนแบบใหม่ อดีต 'ขุนคลัง' สับไม่เป็นประโยชน์-เสี่ยงผิดกม./เตือนขรก.คอพาดเขียง
GH News May 17, 2025 02:07 PM

ช่วงนี้อาจจะได้เห็นการดำเนินการที่เป็นอะไรใหม่ๆ จากรัฐบาล โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ี 13 พ.ค.2568 ได้มีมติอนุมัติวิธีการกู้เงินตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ โดยการออกโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government Token: G-Token) วงเงินเริ่มต้นที่ 5,000 ล้านบาท ที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การออก G-Token นี้จะเป็นเครื่องมือในการระดมทุนรูปแบบใหม่ของกระทรวงการคลัง ผ่านการนำเทคโนโลยีการเงินมาประยุกต์ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับประชาชนมากขึ้น

ไม่เพียงเท่านี้ การออก G-Token ยังจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบดิจิทัล ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปสู่สังคมดิจิทัลในอนาคต โดยรัฐบาลเน้นย้ำเรื่องของระบบและกระบวนการที่มีความปลอดภัย โปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นไปตามกฎหมาย และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

แน่นอนว่า เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกู้เงินของรัฐบาลมักจะถูกตั้งคำถามเสมอ นี่คือการกู้เงินก้อนใหม่ ก้อนใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่รัฐบาลเคยส่งสัญญามาก่อนหน้านี้หรือไม่ หรือผูกโยงไปถึงการโอบอุ้มโครงการแจกเงินหมื่น ซึ่งเป็นเรือธงของรัฐบาล ก่อนที่ฝั่งรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงการคลังจะออกมายืนยันว่า การเสนอขาย G-Token ครั้งนี้เป็นคนละประเด็นกับเรื่องที่ทุกฝ่ายกำลังจับตาทั้งหมด พร้อมทั้งยืนยันว่า G-Token เป็นเพียงเครื่องมือใหม่ในการบริหารจัดการการกู้เงินของกระทรวงการคลังให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ด้วยต้นทุนและความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด และจะเป็นกลไกใหม่ที่จะทำให้การบริหารจัดการหนี้สาธารณะของประเทศมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

แม้ว่ารัฐบาลจะยืนยันว่า แม้ตรงนี้จะเป็นเรื่องใหม่ แต่ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไร เพราะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลไกที่จะเข้ามาเป็นเครื่องมือในการระดมทุนแบบใหม่ของรัฐบาลเท่านั้น แต่ด้วยความ “ใหม่” นี้เอง ทำให้มีหลายส่วนที่ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับบริบทของความใหม่จากเครื่องมือระดมทุนของรัฐบาลในครั้งนี้

ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ พลังประชารัฐ (พปชร.) อดีต รมว.การคลัง ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวไว้ว่า G-Token จะไม่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลดังที่รัฐบาลโฆษณาชวนเชื่อ

“วิธีการในการเปิดให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้ามาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนั้นมีอยู่แล้วในปัจจุบัน ด้วยกลไกผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้นจึงต้องชี้แจงก่อนว่าการออกพันธบัตรรัฐบาลในรูป G-Token จะเพิ่มความสะดวกอย่างใดแก่ผู้ลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องการขายคืน ซึ่งราคาในกองทุนรวมจะเป็นไปตามกติกา โดยมีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำกับดูแล แต่กรณี G-Token ผู้ลงทุนจะต้องไปขายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งราคาอาจจะผันผวนไปแต่ละชั่วโมงตามแรงเก็งกำไรได้”

พร้อมทั้งแนะนำว่า การนำประเทศไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลให้สำเร็จนั้น มีเรื่องที่ต้องดำเนินการก่อนหลายอย่าง กล่าวคือ 1.ต้องช่วยให้ประชาชนเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตอย่างกว้างขวาง 2.ต้องให้ความรู้ทั้งในระบบโรงเรียนและกลุ่มประชาชน 3.ต้องพัฒนาธุรกิจการเงินแบบดิจิทัลให้กว้างขวางมากขึ้น 4.ต้องกระตุ้นคนรุ่นหนุ่มสาวให้ลองทำธุรกิจขนาดย่อมด้านดิจิทัลให้มากขึ้น และ 5.รัฐต้องให้บริการทางออนไลน์มากขึ้น รวมทั้งใช้บล็อกเชนในการบริหารราชการให้โปร่งใส

นอกจากนี้ยังเห็นว่าการจะทำให้ Token เกิดขึ้นในหลักทรัพย์ต่างๆ (Tokenization) จะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานครบถ้วน ทั้ง stable coin สกุลบาท ทั้ง smart contract ทั้งระบบเคลียริง และมีกฎหมายรองรับเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดรวมไปถึงการนำ Token ไปใช้เป็นหลักประกัน โดยต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเอกชนเป็นผู้ริเริ่ม ส่วนรัฐบาลเองไม่ควรมีหน้าที่ไปออก Token ดังเห็นได้ว่า ปัจจุบันนี้ยังไม่มีประเทศที่ระบบการเงินล้ำหน้าใดที่รัฐบาลเป็นผู้ออก Token เอง

อีกทั้ง ระบุว่าแม้กฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะมาตรา 10 วรรคหนึ่ง เปิดให้ใช้วิธีการอื่นใดก็ได้ตามที่ ครม.อนุมัติ แต่ถ้าอ่านตามเนื้อความที่บัญญัติไว้ย่อมจะต้องหมายถึงหลักฐานแห่งหนี้ในทำนองเดียวกับสัญญาหรือตราสารหนี้ อย่างไรก็ดี นิยาม Token Digital ในกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ไม่น่าจะเข้าข่ายเป็นหลักฐานแห่งหนี้ตามข้อบัญญัตินี้

ผมขอแนะนำให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการออก Token Digital มีกฎหมายรองรับอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้การพัฒนา Token นั้นเป็นเพียงเสี้ยวเดียวของงานเศรษฐกิจดิจิทัลทั้งหมด แต่ไม่ใช่เรื่องที่มีความจำเป็นในลำดับต้น ดังนั้นการที่กระทรวงการคลังเอามาโปรโมตเป็นด่านหน้านั้น สะท้อนว่าคิดงานเป็นชิ้นๆ แทนที่จะวางแผนเป็นระบบ ผมขอแนะนำให้ศึกษาแนวการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลให้ถ่องแท้ทะลุปรุโปร่งเสียก่อน มิฉะนั้นก็จะเป็นการวาดฝันสวยหรูแต่ไม่สามารถทำได้จริง ดังที่เกิดขึ้นกรณีโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่หาเสียงเอาไว้ใหญ่โตเป็นนโยบายเรือธง แต่เวลาผ่านมาสองปีก็ยังทำไม่ได้

อีกหนึ่งความเห็นจาก หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี รองหัวหน้าทีมเศรษฐกิจและกรรมการบริหารพรรค พปชร. ให้ความเห็นว่า กรณีที่คลังตีความว่าการออก Token Digital สามารถทำได้ตาม พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 เข้าข่ายปฏิบัติถูกต้องตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 นั้น “ไม่น่าถูกต้อง” เพราะในการออก พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 เมื่อ 20 ปีก่อน ยังไม่มีเรื่องเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล แต่เพิ่งจะมี พ.ร.ก. ในปี 2561 รวมทั้งการพิจารณาในมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 นั้น จะเห็นคำนิยามสำหรับ “ตราสารหนี้ ตั๋วเงินคลัง ตั๋วสัญญาใช้เงิน และพันธบัตร” ซึ่งล้วนเป็นเอกสารแห่งหนี้ แต่ไม่มีสิ่งใดที่สามารถตีความได้ว่า “เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล”

ขณะเดียวกัน กรณีที่ รมว.การคลังเสนอ ครม.ว่าสามารถใช้มาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 ในการออก G-Token ได้นั้น “ก็น่าจะเป็นการตีความที่ผิด” เพราะมาตรานี้บัญญัติว่า การกู้เงินตาม พ.ร.บ.นี้จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้ หรือวิธีการอื่นใดก็ได้ คำว่า “วิธีการอื่นใด” ย่อมต้องหมายถึงวิธีการที่มีเอกสารแห่งหนี้เช่นเดียวกับเอกสารสัญญาหรือตราสารหนี้ แต่ทั้งนี้แม้นิยามในมาตรา 3 แห่ง พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 กำหนดให้เป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือในการได้มาซึ่งสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง แต่ก็เป็นเพียงสัญลักษณ์ที่แสดงสิทธิ ไม่ได้มีสภาพเป็นเอกสารแห่งหนี้!

“ในเรื่องนี้ ครม.อาจจะรอดความผิด เพราะในมติที่อนุมัติมีการระบุว่า ให้เป็นไปตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 แต่ผู้ที่ต้องรับความเสี่ยงเต็มที่ก็คือข้าราชการกระทรวงการคลังนั่นเอง ดังนั้นจึงขอแนะนำว่า ข้าราชการควรเสนอเรื่องแย้ง เพื่อให้รัฐมนตรีคลังเป็นผู้สั่งการในเรื่องดังกล่าว และเป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียว”

อย่างไรก็ดี สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ประเมินแล้วว่า หลังจากเรื่องผ่านความเห็นชอบของ ครม.แล้ว จะต้องใช้เวลาทำงานร่วมกับ ก.ล.ต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องราว 45 วัน ก่อนสรุปความชัดเจน และคาดว่าจะเปิดจำหน่าย G-Token ได้ไม่เกินเดือน ก.ค.2568.

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.