ประชุมลับวุฒิสภา โหวต 3 ชื่อป.ป.ช. ศุกร์นี้เดือด “สว.อิสระ”ขวางสีน้ำเงินสุดตัว อ้างมีข้อกล่าวหา-มีส่วนได้ส่วนเสีย ต้องดใช้อำนาจ
25 พ.ค.2568 – นาวาตรี วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สมาชิกวุฒิสภา กลุ่มอิสระ กล่าวถึงการประชุมวุฒิสภาในวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.ที่จะมีการประชุมลับเพื่อโหวตเห็นชอบ-ไม่เห็นชอบ บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการป.ป.ช.ใหม่สามคน รวมถึงจะมีการประชุมเพื่อตั้งคณะกมธ.สอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรม ของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกกต.หนึ่งชื่อและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสองคน โดยกล่าวว่า สว.ไม่ควรจะมีการประชุมเพื่อโหวตป.ป.ช.และตั้งกมธ.สอบประวัติกรรมการองค์กรอิสระและตุลาการศาลรธน. ในวันศุกร์นี้30 พ.ค. สว. ควรจะชะลอไว้ก่อน เพราะขณะนี้มีสว.หลายคน มีข้อกล่าวหาเรื่องการเข้ามาเป็นสว.ที่กำลังมีการสอบสวนอยู่ รวมถึงก็มีสว.มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ มีข้อพิพาทกันอยู่ (กรณีสว.92 คนเข้าชื่อกันยื่นคำร้องต่อป.ป.ช.ให้สอบสวนเอาผิดพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมและพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ) จึงต้องถามว่า การที่จะสว.จะไปโหวตป.ป.ช.ชุดใหม่สามคน มันเหมาะสมหรือไม่ สว.ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาตอนนี้ ไม่สมควรมาโหวตมาลงคะแนนเรื่องเหล่านี้
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าเริ่มมีการส่งสัญญาณ ให้สว.เตรียมโหวตป.ป.ช.ใหม่สามคนในทางใดทางหนึ่งกันแล้ว นาวาตรี วุฒิพงศ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ยินกระแสข่าวการล็อบบี้หรือส่งสัญญาณอะไร และคงไม่มีใครมาล็อบบี้หรือบอกอะไรกับผมให้ลงคะแนนโหวตอย่างไร เพราะเขาก็รู้ว่าไม่ใช่พวกเขา ผมเป็นพวกสว.อิสระ เขาคงไม่มาบอกอะไร เรื่องนี้คงต้องรอดูตอนช่วงใกล้ๆถึงวันโหวตศุกร์นี้
นอกจากนี้ นาวาตรี วุฒิพงศ์ ยังได้กล่าวถึงภาพรวมการโหวตองค์กรอิสระและบุคคลสำคัญในองค์กรต่างๆ ของสว.ในช่วงที่ผ่านมา โดยเมื่อถามถึงว่าที่ผ่านมาซึ่งสว.เคยลงมติไม่เห็นชอบ กรรมการองค์กรอิสระเช่น คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (นิวัติไชย เกษมมงคล อดีตเลขาธิการป.ป.ช.) และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ(ชาตรี อรรจนานันท์ อดีตอธิบดีกรมการกงสุลและอดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ และ ศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน) หากสว.ยังลงมติลักษณะแบบนี้ไปเรื่อยๆ ที่อาจค้านสายตาสังคม สว.ไม่สามารถบอกได้ว่าทำไมไม่เลือกคนเหล่านี้ ระยะยาว หากยังเป็นแบบนี้ จะเกิดวิกฤตศรัทธากับสว.ชุดนี้หรือไม่ โดย นาวาตรี วุฒิพงศ์ กล่าวว่า อันนี้สำคัญมาก เรื่องของวิกฤตศรัทธาคงยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่เรื่องภาพลักษณ์ ก็จะแย่ลงไปเรื่อยๆ เมื่อภาพลักษณ์แย่ลงเรื่อยๆ จะมีผลต่อศรัทธาด้วย เพราะหากภาพลักษณ์แย่ไปสักพัก คราวนี้ศรัทธาก็ไม่มีเหลือ
นาวาตรี วุฒิพงศ์ ระบุว่า เดิมก็ยังเชื่อว่าเป็นสถาบันที่กลั่นกรองจริง ซึ่งที่ผ่านมา สว.ชุดปัจจุบันก็ทำได้ดีเช่นการกลั่นกรองกฎหมาย เช่นอย่างร่างพรบ.การออกเสียงประชามติ ที่เห็นต่างกันว่าควรเป็นประชามติชั้นเดียวหรือสองชั้น ซึ่งชั้นเดียวก็เร็วดี แต่สองชั้นก็ดูถูกต้อง ก็ถูกต้องเหมือนกัน แต่ทำไมเอาสองชั้นไม่เอาชั้นเดียว ก็มีการอภิปรายด้วยเหตุด้วยผล สุดท้าย ประชามติสองชั้นก็ชนะแต่ก็เหตุผล เป็นต้น
“ เรื่องการโหวตองค์กรอิสระฯ สว.กลุ่มที่เป็นอิสระ ก็พยายามพูดประเด็นนี้ว่า มันไม่ได้ ก็คุยกับคนที่พอคุยกันได้ว่า ขออนุญาต ใครที่อยู่เบื้องหลังพวกคุณ ขอให้หยุดการทำงานอันไม่เหมาะสม ภาพลักษณ์เสียหายมันเสียหายหมด เหมือนปลา ถ้าปลาเน่าตัวเดียวทั้งข้องมันเหม็นหมด คุณก็ต้องหยุดการทำอะไรที่ไม่เหมาะสม เพื่อให้สว.ได้ใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองอย่างแท้จริง ใครที่บงการก็ต้องหยุดการบงการเสีย อันนี้ผมไม่รู้ว่าใครบงการแน่ สันนิษฐานผู้คนก็พอสันนิษฐานได้ แต่เราไม่รู้ เพราะฉะนั้นทุกคนที่ทำอยู่ ต้องหยุดการทำงานที่ว่านี้เพราะทำให้พวกเราเสียหายมาก แล้วเราก็จะเสียหายกันหมดทุกคน”นาวาตรี วุฒิพงศ์ระบุ
เมื่อถามย้ำว่า การโหวตของสว.ในการโหวตองค์กรอิสระและตุลาการศาลรธน.ที่ผ่านมามีใบสั่งทางการเมืองมาที่สว.หรือไม่ นาวาตรี วุฒิพงศ์ กล่าวว่าไม่เห็นไง เพราะไม่ได้สั่งมาที่ผม แต่ถ้ามี ก็เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง มีคนสันนิษฐานว่ามี แต่เราไม่รู้ เราจะไปปรักปรำเขาไม่ได้ แต่แน่นอนว่าแต่ละคน ต้องใช้วิจารณญาณส่วนตัว อย่าไปฟังคำบงการจากใคร เพราะนี้คือประเทศไทย เขาให้มีสว.แบบนี้มาเพื่อให้ทำงานสำคัญๆ เราก็ต้องทำให้มันดีที่สุด
ถามอีกว่า มองอย่างไรเรื่องที่อาจมีความพยายามส่งคนเข้าไปอยู่ในองค์กรอิสระหรือองค์กรต่างๆ เช่น ศาลรธน. จะเกิดผลเสียอย่างไร นาวาตรี วุฒิพงศ์ กล่าวว่า อันนี้ไม่ดี ไม่ถูกต้อง เพราะเราต้องการคนที่มีความเป็นกลางเช่นตุลาการศาลรธน. ต้องเป็นคนที่เป็นกลาง มีความรู้ความสามารถเป็นที่ประจักษ์ ประเทศไทยต้องการคนแบบนี้ แต่ต้องไม่ใช่คนที่จะเป็นสาวก ไปซูฮกเขา หรือไปเป็นกีกี้ เป็นสมุน แบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นไม่มีความเป็นกลาง ทั้งป.ป.ช. -กกต.-สตง.-ผู้ตรวจการแผ่นดิน ต้องเป็นคนที่เป็นกลาง เป็นคนที่ไม่สามารถมาล็อบบี้ได้.