ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก็เชื่อมั่นในตัว “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล โค้ชทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี แต่มุ่งที่เป้าใหญ่ ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 มากกว่า
ช้างศึกหนุ่ม ชนะ ติมอร์เลสเต 4-0 นัดประเดิมสนามฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2025 ที่ แพทริออต สเตเดียม ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อ 19 ก.ค.68 ยศกร บูรพา, ธนาวุฒิ โพธิ์ชัย, เสกสรรค์ ราตรี และ ชวัลวิทย์ แซ่เล้า ยิงคนละลูกให้ไทย ชนะ ติมอร์ 4-0
นัดต่อไป ทีมไทย วันที่ 22 ก.ค.68 พบ เมียนมา เตะเวลาไทย 20.00 น. รอบนี้คัดแชมป์ 3 กลุ่ม และอันดับ 2 ที่ดีที่สุดอีก 1 ทีมเข้ารอบรองชนะเลิศ ที่จะเตะวันที่ 25 ก.ค.68 โดยทีมไทย ได้แชมป์รายการนี้ในการจัดครั้งแรกปี 2005 หรือเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน “ดร.หรั่ง”ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน อุปนายกสมาคมฯ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว แสดงความเห็นถึงการคุมทัพ ของ โค้ชวัง โดยเป็นการให้สัมภาษณ์ก่อนทัวร์นาเมนท์ ยู 23 อาเซียน จะเริ่ม ซึ่ง ดร.หรั่ง กล่าวว่า สำหรับการเปลี่ยนโค้ชจาก ทาคายูกิ นิชิกายะ นั้น ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง ส่วนเป้าหมายนั้น สำหรับศึกชิงแชมป์อาเซียน หรือไม่นั้น คงไม่ได้มองตรงนั้น เพราะโค้ชวังมีเวลาในการเตรียมทีมสั้นมาก เรื่องใหญ่และเป้าหมายสำคัญคือการเป็นแชมป์ซีเกมส์ เพราะโค้ชและนักเตะชุดนี้มีความมุ่งมั่น โดยเฉพาะความตั้งใจของสตาฟฟ์โค้ชที่บอกว่าต้องเป็นแชมป์ซีเกมส์ให้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สมาคมพอใจอย่างมากเพราะมีเป้าหมายที่ชัดเจน
ดร.หรั่ง กล่าวอีกว่า จากที่ตนไปดูการซ้อมได้เห็นความมุ่งมั่นของทีมงานโค้ชชุดนี้ สิ่งสำคัญคือทีมโค้ชเป็นอดีตนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทยทั้งชุดผ่านเวทีซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ ปรีโอลิมปิกมาหมดแล้ว ดังนั้นต่างเข้าใจเป็นอย่างดีว่าซีเกมส์เป็นความหวังอย่างสูงของแฟนบอลชาวไทย ขณะที่ตัวผู้เล่นนั้น ยังใช้ชุดเดิมกับที่โค้ชเก่าเลือกใช้ เพราะว่าเห็นกันอยู่แล้ว แต่ที่จะแตกต่างคงเป็นเรื่องรายละเอียดการเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการสื่อสารที่นักเตะน่าจะได้รับรู้และเข้าใจความคิดของโค้ชเป็นอย่างดี น่าจะช่วยสร้างความฮึกเหิมให้นักเตะเล่นเพื่อชาติ ที่สำคัญโค้ชวังและทีมงานได้ให้สัญญาเอาไว้แล้วว่าจะต้องพาทีมคว้าแชมป์ซีเกมส์ให้ได้.