การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2025-26 รอบลีก เมื่อวันที่ 16 กันยายน “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล จากอังกฤษ เปิดสนามแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ “ตราหมี”แอตเลติโก มาดริด จากสเปน
เกมนี้เจ้าบ้านส่งกองหน้าใหม่ อเล็กซานเดอร์ อิซัก ลงเป็นตัวจริงนัดแรก ผนึกกำลังกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โคดี กักโป ขณะที่ทีมเยือนนำทัพโดย จาโคโม รัสปาโดรี, อ็องตวน กรีซมันน์, จูเลียโน ซิเมโอเน
เริ่มเกมมาเพียง 4 นาที ลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกบริเวณหน้าเขตโทษ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อัดด้วยซ้ายลูกพุ่งต่ำตรงมาแฉลบเท้า แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เข้าประตูไป เจ้าบ้านนำ 1-0 นับเป็นเครดิตการทำประตูของโรเบิร์ตสัน
นาที 6 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ส่งบอลให้ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ซึ่งชิ่งคืนให้ซาลาห์วิ่งฝ่าแนวรับเข้าไปทางด้านขวาของเขตโทษ ก่อนที่ซาลาห์จะแต่งเข้าซ้ายแล้วกดเสียบตาข่าย ลิเวอร์พูลทิ้งห่าง 2-0
นาที 45+3 แอตฯ มาดริดตีไข่แตกได้ จาโคโม รัสปาโดรี เลี้ยงบอลเข้าถึงพื้นที่ด้านขวาของเขตโทษ จากนั้นส่งเข้ากลางให้ มาร์กอส ยอเรนเต รับแล้วจิ้มบอลไหลหนีมือนายทวารเข้าไป จบครึ่งแรกลิเวอร์พูลนำ 2-1
ครึ่งหลังนาที 65 ลิเวอร์พูลสบโอกาสสวนกลับจนพาบอลมาถึงเขตโทษฝั่งแอตฯ มาดริด ก่อนจะเป็น โฟลริอัน เวียร์ตซ์ ที่ไหลให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สับไกยิงแบบเหน่งๆ ไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
นาที 81 ปาโบล บาร์ริออส ได้บอลทางด้านซ้ายของเขตโทษแล้วยิงไปติดกองหลังลูกลอยมาบริเวณพื้นที่เส้นหัวกะโหลกหน้าเขตโทษ มาร์กอส ยอเรนเต จึงวอลเลย์สวนลูกไปแฉลบผู้เล่นคู่แข่งพุ่งเสียบตาข่าย แอตฯ มาดริดตีเสมอ 2-2
นาที 90+2 แฟนบอลได้เฮลั่นสนาม โดมินิก โซโบสไล เปิดลูกเตะมุมจากฝั่งขวาเข้ากลางไปถึง เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ กระโดดขึ้นโขกลูกเข้าประตูไป ลิเวอร์พูลนำอีกครั้ง 3-2
นาที 90+4 ดิเอโก ซิเมโอเน เฮดโค้ชแอตฯ มาดริด มีเรื่องกระทบกระทั่งกับแฟนบอล ผู้ตัดสินจึงให้ใบแดงไล่ซิเมโอเนพ้นจากซุ้มม้านั่งข้างสนาม ก่อนที่จะจบเกมด้วยชัยชนะของลิเวอร์พูล 3-2
(REUTERS/Stephanie Lecocq)
ทางด้านปารีส แซงต์ แชร์กแมง แชมป์เก่าจากฝรั่งเศส เปิดสนามปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ รับการมาเยือนของอตาลันตา จากอิตาลี
เริ่มเกมมาเพียง 3 นาที บราดเลย์ บาร์กโกลา จ่ายบอลเข้าพื้นที่ด้านซ้ายของเขตโทษ ฟาเบียน รุยซ์ รับได้แล้วหวดเรียดเข้ากลาง มาร์กินญอส จึงโฉบมาเข้าชาร์จระยะเผาขนไม่เหลือ เปแอสเชนำ 1-0
นาที 39 อัชราฟ ฮาคิมี จ่ายบอลให้ ควิชา ควารัตสเคเลีย แผลงฤทธิ์พาบอลลุยจากระยะเกือบครึ่งสนามไปจนถึงบริเวณพื้นที่เส้นหัวกะโหลกหน้าเขตโทษ ก่อนยิงเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม เปแอสเชบวกเพิ่มเป็น 2-0
นาที 43 ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์ย้อนหลังจังหวะที่ มาร์กินญอส ปะทะกับ ยูนุส มูซาห์ ในเขตโทษ ก่อนเป่าให้เปแอสเชได้จุดโทษ บราดเลย์ บาร์กโกลา รับหน้าที่สังหารไปเข้ามือ มาร์โค การ์เนเซกคี แบบง่ายๆ จบครึ่งแรกเจ้าบ้านนำ 2-0
ครึ่งหลังนาที 51 บราดเลย์ บาร์กโกลา ไหลบอลไปทางริมเขตโทษด้านซ้าย นูโน เมนเดส โฉบมารับแล้วล็อกหลบกองหลังที่เข้ามาสกัด จากนั้นพาไปซัดด้วยด้วยซ้ายมุมแคบลูกพุ่งผ่านนายทวารเข้าไป เปแอสเชทิ้งห่าง 3-0
นาที 90+1 ราอูล เบลลาโนวา ตัดบอลได้แต่จ่ายคืนผู้รักษาประตูเบาเกินไป กอนซาโล รามอส จึงโฉบมาถึงก่อนแล้วยิงเข้าไปง่ายๆ จบเกมเปแอสเชชนะขาดลอย 4-0
ผลคู่อื่น โอลิมเปียกอส (กรีซ) เสมอ ปาฟอส (ไซปรัส) 0-0, สลาเวีย ปราก (สาธารณรัฐเช็ก) เสมอ โบโด/กลิมต์ (นอร์เวย์) 2-2, บาเยิร์น มิวนิก (เยอรมนี) ชนะ เชลซี (อังกฤษ) 3-1, อาแจ็กซ์ (เนเธอร์แลนด์) แพ้ อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี) 0-2
