‘เอกนิติ’ ปักหมุด 2 สัปดาห์เตรียมชง ครม.เศรษฐกิจเคาะแพคเก็จอุ้มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เร่งหารือ ‘แบงก์ชาติ’ ดึงเงิน FIDF ตั้งกองทุนลุยค้ำประกันหนุนเข้าถึงสินเชื่อในระบบ ด้าน ‘ศุลกากร’ ยัน 1 ม.ค. 69 ดีเดย์เก็บภาษีนำเข้าสินค้าออนไลน์ตั้งแต่บาทแรก หวังแก้ปมสินค้าต่างชาติทะลักเข้าไทย เชื่อช่วยสร้างความเป็นธรรมให้ผู้ประกอบการ
14 พ.ย. 2568 – นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า ภายใน 2 สัปดาห์จากนี้ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ พิจารณามาตรการในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 3 มาตรการ ประกอบด้วย 1. การเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำลังพิจารณาตั้งกองทุนเพื่อค้ำประกันสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอี โดยดึงเงินจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) เข้ามาดำเนินการ ซึ่งตรงนี้จะเป็นส่วนที่เสริมการค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
“ขณะนี้ผู้ว่าการ ธปท. กำลังดูแพคเก็จที่จะเข้ามาช่วยเสริมการค้ำประกันให้กับเอสเอ็มอีเพิ่มเติมจาก บสย. โดยจะตั้งเป็นกองทุนขึ้นมา ดึงเงินจาก FIDF เข้ามาดำเนินการ โดยการค้ำประกันส่วนนี้จะมีทาร์เก็ตชัดเจน เพื่อทำให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น เพราะตามข้อเท้จจริงแล้วเอสเอ็มอีที่ไม่ได้รับสินเชื่อเพราะสถาบันการเงินไม่ปล่อย เนื่องจากกังวลเรื่องความเสี่ยง ดังนั้นจึงมีการคิดกลไกค้ำประกันตรงนี้เพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยให้สถาบันการเงินกล้าที่จะปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยกลไกการดำเนินการกำลังเร่งพิจารณากันอยู่” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ระบุ
นอกจากนี้ 2. จะมีมาตรการสนับสนุนด้านภาษีในมิติต่าง ๆ เพื่อทำให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการไทย รวมถึงการเร่งคืนภาษีให้กับผู้ประกอบการด้วย เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกรมสรรพากร ขณะเดียวกันในส่วนของกรมศุลกากร ก็จะมีแนวทางในการสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการไทย และแก้ปัญหาสินค้าต่างชาติที่อาจจะทะลักเข้าไทยหลังจากมาตรการการค้าสหรัฐฯ มีผล โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป กรมศุลกากรจะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้ามูลค่าตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป ที่สั่งจากแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีร้านค้าอยู่ต่างประเทศ จะต้องเสียภาษีนำเข้า บวกกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% หลัจากก่อนหน้านี้ได้เคยมีการยกเว้นภาษีนำเข้าให้กับสินค้าที่มีราคาไม่เกิน 1,500 บาท โดยเก็บเฉพาะภาษี VAT เพียงอย่างเดียว ซึ่งในช่วงสิ้นเดือน พ.ย. 2568 กรมศุลกากรจะมีการ MOU กับแพลตฟอร์มออนไลน์
3. จะใช้ระบบดิจิทัลในการสั่งซื้อสินค้าจากเอสเอ็มอีไทย ซึ่งถือเป็นแนวทางในการสนับสนินสินค้าไทยผ่านมาตรการของรัฐบาล โดยเรื่องนี้จะเป็นความร่วมมือระหว่างกรมบัญชีกลาง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าไทย
สำหรับความคืบหน้าในการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ นั้น นายเอกนิติ ระบุว่า เร็ว ๆ นี้กระทรวงพาณิชย์ เตรียมจะนัดหารือกับสำนักงานสภาผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) เพื่อเจรจาเรื่องภาษีการค้าทั้งหมด ซึ่งถือเป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง โดยยืนยันว่ารัฐบาลยังดำเนินการเรื่องนี้ต่อ เพราะเป็นสิ่งที่ต้องทำ ซึ่งการดำเนินการเรื่องนี้ต้องแยกประเด็นทางการเมืองกับการเจรจาภาษีการค้าออกจากกันให้ชัดเจน