ท่องเที่ยวดันแผนกระตุ้นเชิงรุก เตรียมชงโครงการ ‘ตั๋วบินฟรี’ ก่อนยุบสภา
GH News November 27, 2025 12:41 PM

“อรรถกร ศิริลัทธยากร” รมว.การท่องเที่ยวฯ สั่งเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเชิงรุกต่อเนื่อง พร้อมดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลก ตั้งเป้าดันการท่องเที่ยวกลับมาเป็นเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้อีกครั้ง เตรียมเสนอ ครม.อนุมัติโครงการ “Buy International, Free Thailand Domestic Flights” แจกตั๋วบินฟรีในประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงมกราคม-เมษายน 2569

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคท่องเที่ยวไทยกำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นและกำลังกลับมา กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะเดินหน้ามาตรการกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยกำชับให้ ททท.เดินหน้ามาตรการเชิงรุก เพื่อให้การท่องเที่ยวกลับมาเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอีกครั้ง พร้อมเร่งผลักดันโครงการใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลกให้เดินทางเข้าประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

อรรถกร ศิริลัทธยากร
อรรถกร ศิริลัทธยากร

7 ตลาดหลักโต-ซาอุฯ พุ่งแรง

โดยหลังจากให้นโยบาย Big Impact Act Fast ไปเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะการมุ่งขับเคลื่อนและส่งเสริมตลาดต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับ 7 ตลาดที่มีประสิทธิภาพเป็นลำดับแรก ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ตะวันออกกลาง อาทิ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พบว่าตลาดดังกล่าวมีอัตราการเติบโตดีต่อเนื่อง ยกเว้นตลาดจีนที่ยังชะลอ แต่ก็มีทิศทางที่ดีขึ้นมากในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้

“วันนี้ประเทศไทยไม่ได้เป็นยักษ์ใหญ่ด้านการท่องเที่ยวคนเดียว ยังมีประเทศอื่น ๆ ที่พัฒนาขึ้นมา เราจึงต้องเน้นการเจาะกลุ่มตลาดที่มีศักยภาพสูง และวางกลยุทธ์แบบเฉพาะเจาะจงเป็นรายประเทศ เพื่อให้เหมาะสมกับพฤติกรรม และความต้องการของนักท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน” นายอรรถกรกล่าว และว่า

โดยตลาดที่เติบโตอย่างชัดเจนคือ ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีการใช้จ่ายต่อคนต่อทริปสูงสุดที่ประมาณ 1.1 แสนบาท (มีระยะเวลาพำนักประมาณ 2 สัปดาห์) ขณะที่อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี อยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังพบว่าตลาดที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นมีอีกหลายตลาด เช่น อิสราเอล รัสเซีย และประเทศในกลุ่ม CIS ได้แก่ เบลารุส อาเซอร์ไบจาน อาร์เมเนีย อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน ฯลฯ

“ในปีหน้าเรามีแผนอยากให้เปิดสำนักงาน ททท. ที่เมืองริยาด ซาอุดีอาระเบีย ที่ให้น้ำหนักการทำการตลาดที่เข้มข้นขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดศักยภาพใหม่ มีการใช้จ่ายต่อคนต่อทริปสูง และอาจเปิดสำนักงานดูแลกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช หรือ CIS เพิ่มเติม เพราะเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตที่ชัดเจนมาก”

“ฟื้นตลาดจีน” โจทย์ใหญ่ปีหน้า

ส่วนตลาดที่ยังต้องเร่งฟื้นคือตลาดจีนและตลาดพูดภาษาจีน (Chinese Speaking) ที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะตลาดจีนที่ยังชะลออยู่ประมาณ 30% แต่คาดว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2568 นี้เป็นต้นไป

“โจทย์ใหญ่ในปีหน้าคือ ฟื้นตลาดจีนให้กลับมาได้ใกล้เคียงกับปี 2562 ก่อนโควิดให้ได้มากที่สุด” นายอรรถกรกล่าว

จ่อชงโครงการตั๋วบินฟรีเข้า ครม.

นายอรรถกรกล่าวว่า และเพื่อเป็นการเดินหน้าขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวให้กลับมาเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศตามเป้าหมาย กระทรวงการท่องเที่ยวฯ โดย ททท.ได้เตรียมนำเสนอโครงการ “Buy International, Free Thailand Domestic Flights” ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเร็ว ๆ นี้ โดยจะสนับสนุนตั๋วเครื่องบินภายในประเทศให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ซื้อตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศเข้ามาไทยในราคาเต็ม

ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นการเดินทางในประเทศ และทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกระจายตัวไปในเมืองน่าเที่ยว รวมถึงมีวันพำนักอยู่ในประเทศไทยนานขึ้นด้วย โดยจะพยายามผลักดันให้โครงการดังกล่าวนี้สามารถเริ่มดำเนินได้ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2569

ชี้ Summer Blast ผลตอบรับดี

สำหรับผลตอบรับของมาตรการกระตุ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น นายอรรถกรกล่าวว่า โครงการ “Thailand Summer Blast” ที่ ททท.ดำเนินการร่วมกับพันธมิตรสายการบินได้สร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมอย่างมาก โดยสามารถดึงเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากเมืองรองของจีน อาทิ ซีอาน เฉิงตู คุนหมิง ฉางชา อู๋ซี และหลินอี๋ เดินทางเข้าไทยรวมกว่า 1,000 เที่ยวบินในช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงต้นปี 2569

ขณะเดียวกันกลุ่ม Incentive Tour จากจีนและภูมิภาคอื่น ๆ ก็ทยอยเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 50,000 คน ช่วยเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงเข้าสู่ประเทศอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับโครงการสนับสนุนสายการบิน Commercial Flight ซึ่งทำกับสายการบินจากทุกภูมิภาคทั่วโลก ด้วยการจัด Joint Promotion พบว่าสามารถกระตุ้นยอดขายแล้วกว่า 348,000 ที่นั่ง (PAX)

นอกจากนี้ ททท.ยังเดินหน้ากระตุ้นตลาดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และ OTA อาทิ Ctrip, Tuniu, Fliggy, Qunar และ Klook ซึ่งสามารถสร้างยอดขายสินค้าและบริการท่องเที่ยวไทยได้รวมกว่า 8,000 ล้านบาท

“จากมาตรการดังกล่าวนี้ ส่งผลให้สายการบินต่างประเทศเร่งเปิดเส้นทางบินใหม่และเพิ่มความถี่เที่ยวบินสู่ประเทศไทยในช่วงเดือนตุลาคม 2568-มกราคม 2569 รวมไม่น้อยกว่า 170 เที่ยวบิน/สัปดาห์ สะท้อนถึงแนวโน้มการท่องเที่ยวไทยที่กลับมาคึกคักในช่วงไฮซีซั่นปีนี้” นายอรรถกรกล่าว

อัดกิจกรรมกระตุ้นอย่างเข้มข้น

ด้าน นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเสริมว่า ในช่วงปลายปี 2568 นี้ ททท.ได้จัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดอย่างเข้มข้น โดยปรับรูปแบบงานให้เหมาะสมต่อการน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ประกอบด้วย งาน Vijit Chao Phraya 2025 (9 พ.ย.-23 ธ.ค. 2568) ล่าสุดพบว่ามีผู้เข้าชมระหว่างวันที่ 9-16 พฤศจิกายน 2568 รวมกว่า 183,000 คน สร้างเงินหมุนเวียนแล้วกว่า 703 ล้านบาท งาน Amazing Thailand Marathon 2025 (30 พฤศจิกายน 2568) มี “เอเลียด คิปโชเก้” นักวิ่งระดับโลกเข้าร่วมแข่งขัน โดยมีผู้สมัครแล้วกว่า 48,000 คน สูงกว่าเป้าหมายเดิม 36,000 คน คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินมากกว่า 1,459 ล้านบาท

และงาน Countdown Events ทั่วประเทศ เช่น งาน Amazing Thailand Phayao Countdown Flora Fest 2026 (28-31 ธ.ค. 2568) ณ กว๊านพะเยา จ.พะเยา งาน Amazing Thailand Su-Ngaikolok Countdown 2026 ณ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และสนับสนุนการจัดงาน Countdown ระดับโลกที่ ICONSIAM, Central World และ One Bangkok เพื่อตอกย้ำประเทศไทยในฐานะ Global Countdown Destination

ทั้งนี้ คาดว่าปี 2568 นี้ ประเทศไทยจะมีรายได้รวมจากการท่องเที่ยวประมาณ 2.6 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น นักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.5 ล้านคน และตลาดไทยเที่ยวไทย 1.15 ล้านล้าน และคาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวของไทยจะเพิ่มเป็น 2.8 ล้านล้านบาทในปี 2569

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.