AOT เคาะแนวทางแก้ไขสัญญาดิวตี้ฟรี “คิง เพาเวอร์” เผยปรับ 3 เงื่อนไขให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในการบริหารสัญญา พร้อมให้ AOT สามารถให้บริการผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว ย้ำรักษาคุณภาพบริการผู้โดยสาร-ผลประโยชน์ชาติ
รายงานข่าวจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ครั้งที่ 18/2568 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจําหน่ายสินค้าปลอดอากรของบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD)
ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) ตามผลการเจรจาของคณะทํางานเจรจาเพื่อหาข้อตกลงในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT
โดยบริษัทได้พิจารณาทางเลือกหลัก 2 แนวทางคือ การแก้ไขสัญญาเปรียบเทียบกับการยกเลิกสัญญาเพื่อเปิดประมูลใหม่ ซึ่งได้ข้อสรุปว่าทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดคือการแก้ไขสัญญา โดยปรับเงื่อนไขการอนุญาตให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในการบริหารสัญญา เพื่อให้ AOT สามารถให้บริการผู้โดยสารได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ AOT
ได้แก่ 1.การรักษาความต่อเนื่องทางธุรกิจโดยมีระดับการให้บริการ (Level of Service) ที่ดี 2.รายได้ที่มั่นคงกว่า โดย AOT ยังคงได้รับค่าผลประโยชน์ตอบแทนอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีช่วงที่ขาดรายได้ในระหว่างการประมูลหาผู้ประกอบการรายใหม่ และ 3.ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและลดความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ซึ่งแนวทางนี้เป็นกรณีที่โครงการดําเนินการต่อไป อันจะเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งยังคงไว้ซึ่งอัตราการจ้างงานจากผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ การดำเนินการตามมติดังกล่าว จะทำให้บริษัทสามารถยกระดับการให้บริการแก่ผู้โดยสารได้ตามมาตรฐานสากล และยังคงรักษารายได้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนรักษาความมั่นคงของการจ้างงานของบุคลากรในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งรวมไปถึงการรักษาความสามารถในการพัฒนาคุณภาพบริการ รายได้องค์รวม และดำเนินการตามแผนพัฒนาท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของบริษัท ตามนโยบายของรัฐบาลในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค (Aviation Hub) เพื่อรองรับนักเดินทางที่เข้าสู่ประเทศไทย สร้างกลไกรายได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน