น้องสาวร้อง พี่ชาย 21 ถูกไฟชอร์ตดับขณะทำงาน นายจ้างเมินเยียวยา ค่าจ้างไม่จ่าย บอกอยากได้ไปฟ้องเอา ให้แค่ค่าทำศพ 1 แสนบาท ก่อนติดต่อไม่ได้
วันที่ 28 ธ.ค. 2567 ผู้สื่อข่าว จ.กำแพงเพชร รายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Pakphiangpen Thauaonkun ได้โพสต์เรียกร้องความเป็นธรรมให้ครอบครัว หลังพี่ชาย อายุ 21 ปี ถูกไฟดูดเสียชีวิตขณะทำงาน นายจ้างสัญญาว่าจะจ่ายค่าเยียวยาให้ แต่หลังจากเสร็จงานศพผ่านมา 2 เดือนก็ยังไม่ได้ รวมถึงไม่จ่ายค่าจ้างที่ยังค้างอยู่ด้วย
โดยระบุว่า สวัสดีค่ะ หนูมีเรื่องจะขอความเป็นธรรม เนื่องด้วยวันที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา พี่ชายหนูโดนไฟดูดขณะปฏิบัติงาน จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิต ทางด้านหัวหน้างานได้มีการเกลี้ยกล่อมแม่หนูว่าจะช่วยทำศพและเยียวยาอย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนั้นเองแม่หนูกำลังอยู่ในช่วงเสียใจ จึงเชื่อคำพูดของเขา เขาได้พาไปลงบันทึกประจำวันว่าช่วยค่าทำศพเงินจำนวน 100,000 บาท แม่จึงได้ลงบันทึกประจำวันพร้อมกับเขา
ในส่วนค่าแรงของพี่ชายหนูทางหัวหน้าแจ้งว่าจะจ่ายให้ก่อนวันครบรอบ 100 วัน แต่ขณะนี้ได้ติดต่อไป แต่ติดต่อเขาไม่ได้เลย ส่วนค่าเยียวยาที่เค้าพูดก็ไม่ได้ตามที่เขาแจ้ง ซึ่งทางครอบครัวหนูสามารถทำอะไรได้บ้างคะ เพราะติดต่อเขาไม่ได้เลย แล้วชีวิตพี่ชายหนูมีค่าแค่หนึ่งแสนบาท ค่าจัดงาน ยังไม่พอเลยค่ะ
พี่ชายอายุ 21 ปี กำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร แต่ฐานะที่บ้านส่งไม่ไหวจึงดรอปเรียนออกมาหาเงินจะส่งตัวเองเรียน เพิ่งไปทำงานเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมจนถึงวันที่เสียชีวิต ระยะเวลาในการทำงานโดยประมาณไม่ถึง 2 เดือนเลยค่ะ รบกวนช่วยขอความเป็นธรรมให้หนูด้วยนะคะ ส่วนหนูอายุ 17 ปี ไปทำงานกับพี่ชายเหมือนกันค่ะ ค่าแรงหนูเขาก็จ่ายไม่ครบค่ะ
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปพบกับ น.ส.ภาวิณี ถาวรกูล อายุ 50 ปี มารดาของนายธานาธิบดี ถาวรกูล หรือตี๋ อายุ 21 ปี อดีตนักศึกษาโปรแกรมวิชาการจัดการโลจิสติกส์ ชั้นปีที่ 3 คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร ที่ได้หยุดเรียนออกมาหางานทำเพื่อส่งตัวเองเรียนเมื่อช่วงเดือน ก.ค. 2567
ปรากฏว่ามาประสบเหตุถูกไฟฟ้าชอร์ตเสียชีวิตขณะออกไปทำงานเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2567 โดยไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ จากนายจ้าง ครอบครัวผู้เสียชีวิตอาศัยอยู่ภายในบ้านพักครูร้างที่มีสภาพทรุดโทรม
น.ส.ภาวิณี กล่าวว่า ฐานะการเงินที่บ้านติดขัด ลูกชายรู้สึกสงสารแม่ จึงขอหยุดเรียนและออกไปทำงานสักปีนึง แล้วจึงจะกลับมาเรียน หลังจากนั้นลูกชายก็ไปทำงานรับจ้างติดตั้งไฟส่องสว่าง แต่ทำงานได้เพียง 2 เดือนกว่าก็เกิดเหตุถูกไฟฟ้าชอร์ตเสียชีวิตระหว่างเร่งติดตั้งงานในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี
น.ส.ภาวิณี กล่าวต่อว่า ในช่วงเกิดเหตุเป็นเวลาที่ฝนตกลงมา แต่นายจ้างเร่งให้ติดตั้งให้แล้วเสร็จซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นเสาไฟส่องสว่างที่มีกระแสไฟรั่วออกมา เป็นจังหวะที่ลูกชายตนไปขันน็อต ทำให้ถูกไฟชอร์ต โดยเพื่อนร่วมงานและเจ้าหน้าที่หมวดการทางที่ผ่านมาเจอ รวมถึงกู้ชีพเข้ามาช่วย แต่ไม่เป็นผล ลูกชายตนก็เสียชีวิต
น.ส.ภาวิณี กล่าวอีกว่า ตนได้นำศพลูกชายกลับมาบำเพ็ญกุศลที่ จ.กำแพงเพชร โดยขอให้นายจ้างช่วยค่าทำศพเป็นเงิน 200,000 บาท แต่นายจ้างกลับบอกว่าไม่มีให้ มีให้แค่แสนเดียว หากอยากได้ให้ไปฟ้องเอา
น.ส.ภาวิณี กล่าวต่อว่า ระหว่างจัดงานศพนายจ้างมีการทยอยจ่ายมาจนเป็นเงินรวม 100,000 บาท จากนั้นก็พาตนไปลงบันทึกประจำวันว่าจะไม่เรียกร้องอะไรกันอีก อ้างว่าเดี๋ยวทางบริษัทจะมอบเงินเยียวยาให้ แต่ผ่านมาเกือบ 2 เดือนก็ยังไม่มีอะไรให้เลย ตนพยายามติดต่อไปก็ถูกตัดสายทิ้งตลอด จึงอยากขอความยุติธรรม ไม่ใช่ทำเฉยแบบนี้
ด้าน น.ส.พักตร์เพียงเพ็ญ ถาวรกูล หรือหมวย อายุ 17 ปี น้องสาวผู้ตาย กล่าวว่า แม่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป คอยดูแลทุกคนในบ้าน ตนจึงตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนตั้งแต่อยู่ชั้น ม.2 เพื่อให้พี่ชายได้เรียนต่อปริญญาตรี แต่พี่ชายรู้สึกสงสารแม่ จึงยอมหยุดเรียนทั้งที่เหลืออีกแค่ปีเดียว เพื่อหางานทำและเก็บเงินไว้ส่งตัวเองเรียนให้จบ แต่มาเกิดเหตุทำให้พี่ชายต้องมาเสียชีวิต
น.ส.พักตร์เพียงเพ็ญ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ตนรู้สึกคิดถึงพี่ชายมาก อยากจะทวงความยุติธรรมให้พี่ชาย ตอนนี้ไม่อยากได้อะไรแล้ว อยากให้อีกฝ่ายติดคุกไปเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่ผ่านมามันดูเอาเปรียบกันเกินไป บางครั้งให้พี่ชายตนทำงานเลิกงานช้าเลิกงานดึกเกินไป ไม่สนใจอะไรเลยจะเอาแค่งานของตัวเอง
น.ส.พักตร์เพียงเพ็ญ กล่าวต่อว่า หลังจากพี่ชายตนเสียชีวิตไป เขาแสดงความเสียใจแค่วันแรกจากนั้นก็หายไปเลย ติดต่อก็ไม่ได้ เงินที่จะมาเยียวยาช่วยเหลือ แม้กระทั่งค่าแรงที่สมควรได้ก็ตอบกลับมาว่าไม่มีให้ ตอนนี้ตนสงสารแม่ อยากแบ่งเบาภาระ แต่ตนอายุเพียง 17 ปี ยังไม่มีใครรับทำงาน และยังต้องเรียนต่อ กศน. ให้จบ ม.3 จึงจะพอหางานได้
ผู้สื่อข่าวให้น้องสาวผู้เสียชีวิตโทรติดต่อไปหาผู้ที่เป็นนายจ้าง ปรากฏว่านายจ้างก็ยังไม่รับสาย หลังจากหยุดยาวช่วงปีใหม่ ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตจะนำเรื่องราวทั้งหมดไปปรึกษากับทางสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อรับการเยียวยาต่อไป