วงการหมอลำนาทีนี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก ‘เฮียหน่อย’ สุชาติ อินทร์พรหม หนึ่งในผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร คณะหมอลำอีสานนครศิลป์ คณะหมอลำรุ่นใหม่ไฟแรง ที่มีความมุ่งมั่นกับคำว่า “หมอลำ” คือการสร้างงาน สร้างอาชีพ และต่อยอดออกไปในวงกว้างสู่การเป็นซอฟต์พาวเวอร์
ขณะเดียวกัน ‘เฮียหน่อย’ พร้อมจะผลักดันเด็กรุ่นใหม่ที่มีใจรักหมอลำเข้าสู่วงการ โดยเฟ้นหาเพชรเม็ดงามผ่านรายการ “หมอลำไอดอล” ที่ทำร่วมกับเวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์์ และเดินทางมาถึงซีซั่น 3 แล้ว
วันนี้ ‘เฮียหน่อย’ มานั่งคุยกับเราตรงนี้
เข้ามาคลุกคลีเต็มตัวอยู่ในวงการหมอลำมากี่ปีแล้ว?
เฮียหน่อย – “ปีนี้เข้าปีที่ 4 ตอนรู้จักครั้งแรกก็เข้าใจว่า เป็นเรื่องความบันเทิง ความสนุก พอได้คลุกคลี มันไม่ใช่ มันสร้างคน สร้างอาชีพเยอะมาก แล้วสร้างให้คนเป็นศิลปินได้ คนที่มาดูก็ได้ความสุข ได้ความหายคิดถึงบ้าน เป็นเรื่องดีมาก เลยไม่อยากให้มันสูญหายไป และเด็กบางกลุ่มยังรู้สึกว่า หมอลำเป็นอาชีพที่เต้นกินรำกิน ยังไม่รู้สึกภูมิใจ ผู้ใหญ่ก็รู้สึกว่าอย่าทำเลย ไปเป็นข้าราชการเถอะ เพราะรู้สึกว่าหมอลำเต้นกินรำกิน
เราก็รู้สึกว่าถ้าเกิดภาพจำแบบนี้ ไม่น่าจะดีต่อการรักษาหรือต่อยอด ก็อยากให้เขาภูมิใจ สเต็ปแรกก็คือ เรียนรู้ให้ตัวเองรู้ชัดก่อนว่าหมอลำคืออะไร คือลงไปทำจริงๆ พอรู้เสร็จ มาทำรายการหมอลำไอดอล เพื่อให้เขารู้สึกว่ามัน world wilde ไปทั้งประเทศแล้ว พอภูมิใจเสร็จปุ๊บ เราก็มาเจอกับสิ่งที่ทางภาครัฐมองว่าหมอลำ คือซอฟต์พาวเวอร์ แต่เราก็มองว่ามันจับต้องยาก จะทำยังไงดีให้มันจับต้องได้ ก็เลยอยากจะส่งออกให้ 3 ภาครู้จักก่อน
วิธีการก็คือทำโซเชี่ยล ก็ต้องขอบคุณ เสี่ยวของผม คือ หนุ่มโจ (โจ ยมนิล) ที่มาพลิกวงการหมอลำ โดยการทำโซเชี่ยลให้คนรู้จัก แล้วผมก็ต่อยอดทำร้าน โฟล์คพระนคร ขึ้นมาเป็นหมอลำกลางกรุง ซึ่งจริงๆ โฟล์คพระนคร มีทั้งหมด 11 สาขาอยู่แล้วทั่วอีสาน”
รายการ หมอลำไอดอล ก็มาถึง 3 ซีซั่นแล้ว จะมีพิเศษอะไรเพิ่มขึ้น?
เฮียหน่อย – “จริงๆ เป้าหมายนี้ตั้งตั้งแต่แรกแล้ว แต่เนื่องจากว่า 1 กับ 2 เนี่ย เราออดิชั่นเข้ามา น้องๆ อยู่กระจายทั่วอีสานเลย มันเลยเป็นไปได้ยากมาก บางคนเรียนหนังสือ ทำงานแล้ว การที่จะแบบเอาเขามาอยู่ด้วยกันในบ้านสัก 1 เดือน มันเป็นเรื่องยาก แต่ซีซั่นนี้ อยากให้เอามาอยู่ เพราะว่าอยากให้แม่ครู พ่อครู สอนถึงแก่นจริงๆ เอาเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของเขาออกมาให้ได้ พอคุณเรียนแล้วสร้างอาชีพคุณได้จริงไหม ถ้าได้คือจบ คือตอบโจทย์ในสิ่งที่ผมต้องเป็นเลย”
เหมือนเรามีบันไดให้น้องๆ ในเส้นทางอาชีพศิลปิน หมอลำ?
เฮียหน่อย – “หลายคนจะมีข้อข้องใจว่าไปกับเฮียเนี่ยต้องอยู่สังกัดเฮียอย่างเดียวไหม ไม่จำเป็นเลย ผมไม่มีเงื่อนไขเลย ขอแค่คุณมีใจรัก และคุณอยากที่จะทำสิ่งนี้ออกมาจากความรู้สึกที่คุณรักจริงๆ ผมส่งเสริมหมด อยากเป็นหมอลำส่งเข้าวงใหญ่ อยากเป็นศิลปิน ส่งเข้ารายการ อยากเป็นอะไร เรามานั่งคุยกัน เราไม่มีปิดกั้นเลยครับ”
แต่ในมุมของธุรกิจต้องมีกำไร มันคุ้มค่าไหมตลอด 4 ปี ที่เราลงแรง ลงทุนทุกอย่าง?
เฮียหน่อย – “ธุรกิจนี้กับผม ไม่ success ในเรื่องของเม็ดเงินเลย แต่ผมได้ความสุขมหาศาลมาก ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับ เป็นทุกคนในวงการหมอลำเขาจะรู้สึกว่าเขาชอบในการทำงานที่ผมทำอยู่ แล้วเขาภูมิใจ เขาเห็นผมแล้วเขาจะมีความสุขไปกับผมด้วย นี่คือความสุขที่ผมได้รับจากสิ่งที่ทำทุกวันนี้ มันสร้างคนสร้างอาชีพด้วยนะ 1 วง 200 ชีวิต 200 ชีวิตมีอาชีพที่ยั่งยืน ตรงนี้ผมว่ามันตอบคำเป็นเม็ดเงินไม่ได้ครับ แต่ผมเชื่อว่าทุกคนอิ่มปากอิ่มท้อง นั่นผมได้ตอบแทนกลับคืนสู่สังคมที่ผมเคยได้เมื่อตอนผมทำธุรกิจ”
อีสานนครศิลป์ เป็นหมอลำปริญญาตรี ต่างจากเมื่อก่อนคือความปากกัดตีนถีบ?
เฮียหน่อย – “เรามีหลายเจน อีสานนครศิลป์เริ่มจากรากคือได้แม่เนตร แม่เป้าและน้องเจมส์ ยอดไผ่ ที่เขาเป็นหมอลำแก่นแท้ เป็นตัวตั้งและได้มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งคอยกรูมมิ่งเราตลอดว่า หมอลำคืออะไร แล้วเราออดิชั่นน้องรุ่นใหม่ ที่มีใจรักแต่อาจจะยังไม่ค่อยรู้เรื่องหมอลำ เอามาผสมกัน และเรียนรู้ไปขณะทำงานไปด้วย ตอนแรกก็ยังคิดว่า จะต้องอยู่ไม่ครบแน่ๆ ทุกวันนี้ 3 ปีแล้ว ก็ยังอยู่ครบทุกคนเลย และทุกคนประสบความสำเร็จ มีเม็ดเงินส่งให้ทางบ้าน นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ผมยืนออกมามองไกลๆ ภูมิใจ แต่ก็บอกว่าไม่ใช่รับแค่ปริญญาตรีนะ ไม่มีการศึกษาก็มีครับ เราไม่ติด แต่สำคัญคุณมีใจรัก และคุณตั้งใจอยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้น เราพร้อม”
มองภาพ ความเป็นหมอลำใน พ.ศ.นี้ ยังไงบ้าง?
เฮียหน่อย – “หมอลำเป็นข้อดีมากที่จะเป็นตัวเชื่อมทำให้ เม็ดเงินหลั่งไหลเข้าอีสาน ถ้าทุกคนบอกว่าสงกรานต์คือ ซอฟต์พาวเวอร์ของไทย หมอลำทำได้ 100% ถ้าเกิดจัดเทศกาลดนตรีอีสานเป็นตัวตั้ง แต่เอาทั้ง 4 ภาคนี่แหละ แล้วทำให้คนทั้งโลกอยากมาเที่ยวเป็นเฟสติวัลให้ได้ เหมือนวันเดอร์ฟรุต ที่เปิด EDM แต่เราใช้ดนตรีนี้เป็นตัวตั้ง ก่อนที่จะมีการแสดง เราใช้ขบวนแห่เทียน ขบวนบั้งไฟ ขบวนกลองยาว ขบวนไหลเรือไฟ ทำกิจกรรม เอาอาหารดีๆ ใส่ ฟู้ดทรัค ทำชุมชนให้เอารถแห่ไปตั้ง ให้เกิดเฟสติวัล แล้วทำย้ำๆ อย่างนี้ทุกปี ให้เป็นภาพเดียวกับสงกรานต์ ผมว่ามันไม่ได้ยากเลย ดนตรีอีสาน ฝรั่งหรือต่างชาติยอมรับ 100% ไม่เชื่อลองไปเปิดให้เขาฟังเลย ลุกฟ้อนเหมือนกันหมดแน่นอน”
โปรเจ็กต์ปีนี้จะต้องทำหมอลำเฟสติวัล?
เฮียหน่อย – “เป็นความฝันสุดท้ายของการทำหมอลำของผมเลยครับ ตอนแรกที่บอกว่าทำหมอลำให้เป็น แล้วก็ทำรายการให้ได้ อันนี้คืออันสุดท้ายเลยที่ถ้าเกิดจบแล้ว ผมคง success ไปแล้ว ก็คืออยากจัดเฟสติวัลจริงๆ ไม่ใช่แค่หมอลำ ยังมีลิเก มีตะลุง มีโนราห์ มีลำตัด มีกลองยาวเข้ามาผสม มี Drag Queen มีทุกอย่างที่เป็นวัฒนธรรมของเราทำให้คนต่างชาติรักให้ได้”
อยากจะฝากอะไรถึงแฟนๆ หมอลำ?
เฮียหน่อย – “ถ้าทุกคนบอกว่าอยากเห็นหมอลำไปไกลทั่วโลก เมื่อไหร่ที่เห็นคอนเทนต์ เห็นโชว์วัฒนธรรม ที่คุณรู้สึกว่าเหมาะที่จะส่งออกให้ต่างชาติ คุณแค่กดไลก์ กดแชร์ กดคอมเมนต์ เมื่อไหร่ที่ยอดวิวหรือการคอมเมนต์เยอะๆ มันจะขึ้นฟีดมาที่อันดับ 1 ทำให้คนทั้งโลกเห็นว่า สิ่งนี้ทำไมน่าสนใจจัง นั่นแหละเป็นการทำให้เกิดซอฟต์พาวเวอร์ กับส่วนที่ 2 คือ หมอลำทุกวันนี้ยังมีการแบ่งค่าย อยากจะบอกจริงๆ เลยว่า หมอลำคือหนึ่งเดียว ทำยังไงก็ได้ให้หมอลำหนึ่งเดียวเป็นที่รักของคนทั้งประเทศให้ได้”
วีรนุช จันทำ