เปิดใจ “ทราย สก็อต” เล่านาทีเผชิญหน้า นักท่องเที่ยวต่างชาติ ฝ่าฝืน ว่ายน้ำในเขตฟื้นฟูปะการัง แถมปากแจ๋วด่าหยาบเจ้าหน้าที่ อ้าง จ่ายค่าตั๋วแล้วจะทำอะไรก็ได้

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 27 ก.พ.2568 ทราย สิรณัฐ สก็อต ที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ หลังจากมีชายชาวต่างชาติไปดำน้ำในพื้นที่อนุรักษ์ปะการัง และเมื่อเข้าไปเตือนกลับต่อว่าเจ้าหน้าที่อย่างหยาบคาย ทำให้ชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง

นายสิรณัฐ กล่าวว่า ตนออกไปลาดตระเวนกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตามปกติ ซึ่งเราไปฝั่งตะวันออกของเกาะไก่ เป็นแนวปะการังที่อุทยานได้ประกาศปิดเพื่อฟื้นฟู

เปิดใจ “ทราย สก็อต” เล่านาทีเผชิญหน้า นักท่องเที่ยวต่างชาติ ฝ่าฝืน ว่ายน้ำในเขตฟื้นฟูปะการัง แถมปากแจ๋วด่าหยาบเจ้าหน้าที่ อ้าง จ่ายค่าตั๋วแล้วจะทำอะไรก็ได้

เนื่องจากเหตุการณ์ปีที่แล้ว อุณหภูมิรับน้ำทะเลมันร้อนจนปะการังฟอกขาวผิดปกติ จนทำให้ปะการังน้ำตื้นตายไปประมาณ 80% แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวและบริษัททัวร์บางบริษัทฝ่าฝืนกฎอยู่ เจ้าหน้าที่จึงต้องออกไปตักเตือนเรื่อย ๆ

เราไปเจอชาวต่างชาติที่เป็นสามีภรรยา 2 คน เป็นชาวอิตาลี อายุประมาณ 70 ปี เขาว่ายน้ำในเขตที่เราปิดไว้ ซึ่งหากที่เขาว่ายมาบนเกาะไก่ค่อนข้างไกลกับจุดที่เราพบ ประมาณ 700 เมตร และรอบตัวไม่มีเรือหรือไกด์คอยตักเตือนหรือดูแลความปลอดภัยเลย เจ้าหน้าที่จึงได้แล่นเรือเข้าไปตักเตือนเขาใน 2 กรณีคือ 1.เขาว่ายในพื้นที่ที่เราไม่ให้ 2.ไม่มีใครดูแล

เจ้าหน้าที่บนเรือพยายามสื่อสารกับเขา ซึ่งตอนแรกเขาทำท่าทีเหมือนไม่ได้ยินและฟังเราไม่รู้เรื่อง จากนั้นเขาก็ว่ายน้ำต่อ ซึ่งเราก็อึ้งว่าอีกฝ่ายน่าจะเข้าใจว่าไม่สามารถทำแบบนี้ได้ จากนั้นเราก็ขับเรือตามเพื่อกดดันและเป่านกหวีดจนอีกฝ่ายโผล่หน้าขึ้นมาเหนือน้ำ

จากนั้นอาสาสมัครชาวต่างชาติได้อธิบายให้อีกฝ่ายฟังว่า ทำไมเราถึงปิดพื้นที่ตรงนี้ แต่อีกฝ่ายบอกว่าไม่สนใจและจะว่ายน้ำต่อ เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่ายเป็นแบบนั้น เราจึงต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตักเตือนมากขึ้น จึงให้เจ้าหน้าที่โดดลงไปในน้ำและกดดันให้เขารู้สึกว่าเขาต้องขึ้นมาบนเรือ

กว่าที่เจ้าหน้าที่จะสามารถพาชายคนนี้ขึ้นมาบนเรือได้ เขาก็ด่าเราเป็นภาษาบ้านเกิดของเขาว่า “เรากวนตีน เขาไม่สนเรื่องกฎของเราและบอกว่าเราบ้า” เมื่อเขาขึ้นมาบนเรือก็แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และบอกว่าไม่สนใจเรื่องกฎของประเทศเรา เพราะเขาจ่ายค่าตั๋วมา เขาสมควรที่จะทำอะไรก็ได้ และทิ้งท้ายว่าจะไม่กลับมาที่ประเทศไทยอีกแล้ว

“ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ เป็นสถานการณ์ที่เราไม่อยากเจอและปฏิเสธไม่ได้ว่า เจ้าหน้าที่พบเจอกับสถานการณ์แบบนี้บ่อย เราทำหน้าที่เพื่อดูแลทรัพยากรให้กับคนในประเทศของเรา นักท่องเที่ยวสามารถมาเยี่ยมได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณซื้อตั๋วมาประเทศไทย แล้วคุณจะทำอะไร นี่คือทรัพยากรของเราที่เราแบ่งให้คุณเห็น ไม่ใช่ว่าคุณมาซื้อทรัพยากรของเรา ดังนั้นเราจึงควบคุมตัวเขาแล้วพาไปส่งที่หาด”

ยอมรับว่า เหตุการณ์นี้รู้สึกตกใจมากเพราะไม่เคยเห็นคนแก่อายุขนาดนี้ทำพฤติกรรมแบบนี้เลย เราพยายามประเมินสถานการณ์เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ก็ได้ เพราะอีกฝ่ายสติแตกมาก ดังนั้น จึงรีบพากลับเข้าหาดให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ อยากฝากไปถึงนักท่องเที่ยวให้ทุกคนมีศักดิ์ศรี ของพวกนี้ไม่ใช่ของเรา ที่เราจะไปทำลายหรือไปใช้ประโยชน์ เพราะมันเป็นทรัพยากรส่วนรวม เป็นทรัพยากรที่เราต้องรักษาไว้ให้กับประเทศของเราและทุกคนรุ่นต่อไป เพราะตอนนี้ทรัพยากรที่มันสมบูรณ์จริง ๆ เหลือน้อยมาก เราจะต้องปกป้องทรัพยากรของเรา

คลิกชมคลิป