‘คลัง’ เผยเศรษฐกิจไทยเดือน ม.ค. 2568 ยังฉลุย รับอานิสงส์ส่งออกโตกระหึ่ม 7 เดือนติด พ่วงท่องเที่ยว-บริโภคเอกชนโตต่อเนื่อง ช่วยหนุนเต็มสูบ พร้อมจับตาสถานการณ์การผลิตภาคอุตสาหกรรม-นโยบายเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า หวั่นกระทบเศรษฐกิจไทย
27 ก.พ. 2568 – นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือน ม.ค. 2568 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 โดยมีมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 25,277.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ โดยตลาดคู่ค้าหลักของไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น อาทิ ตลาดอินเดีย สหรัฐฯ และจีน
นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยในเดือน ม.ค. 2568มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม 3.70 ล้านคน ขยายตัว22.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย รัสเซีย เกาหลีใต้ และอินเดีย เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 24.3 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 3.6% รวมถึงแรงสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับรายได้เกษตรกรที่แท้จริง ที่เพิ่มขึ้น 3.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือน ม.ค. 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 59.0 จากระดับ 57.9 ในเดือนก่อน เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ รวมถึงการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณชะลอตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ ในเดือน ม.ค. 2568 ลดลงจาก ช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -14.8% ส่วนการลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ในเดือน ม.ค. 2568 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -2.4%
ทั้งนี้ ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือน ม.ค. 2568 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 3.8% ตามการเพิ่มขึ้นในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าว และปาล์มน้ำมัน เป็นต้น ส่วนผลผลิตมันสำปะหลัง และข้าวโพด ลดลงจากเดือนก่อน สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 91.6 จากระดับ 90.1 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกขยายตัวจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป ประกอบกับภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
“ยังต้องติดตามสถานการณ์ของการผลิตภาคอุตสาหกรรม และนโยบายเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป” นายพรชัย กล่าว
อย่างไรก็ดี ในส่วนของเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ม.ค. 2568 อยู่ที่ 1.32% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.83% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2567 อยู่ที่ 63.9% ต่อจีดีพี ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2568 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 242.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ