ตำรวจโคราช ระดมกวาดล้าง บุหรี่ไฟฟ้า-น้ำกระท่อม จับแล้ว 187 คดี
GH News February 27, 2025 06:01 PM

ตำรวจโคราชกวาดล้างหนัก บุหรี่ไฟฟ้า-น้ำกระท่อม จับแล้ว 187 คดี ผู้ปกครองหวั่นซ้ำรอยบุรีรัมย์ วอนรัฐจัดการเด็ดขาด ขณะที่ สคร.9 เตือนภัย บุหรี่ไฟฟ้าระบาดในเยาวชน เสี่ยงปอดพัง-มะเร็งร้าย

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ กรณีที่เกิดขึ้นในจังหวัดบุรีรัมย์ ได้จุดประเด็นความกังวลอย่างหนักเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำกระท่อมในกลุ่มเยาวชน หลังมีนักเรียนชั้นประถมและมัธยมถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลถึง 3 ราย จากการใช้สารเสพติดเหล่านี้ และมีข่าวลือว่าอาจมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ปกครอง โดยเฉพาะครอบครัวของเด็กหญิงรายหนึ่งที่เพิ่งทราบว่าหลานสาวแอบสูบบุหรี่ไฟฟ้ามานานกว่า 2 ปี ผู้ปกครองจำนวนมากออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจซอย 30 กันยา อำเภอเมืองนครราชสีมา ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่ใกล้สถานศึกษา ทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัยหลายแห่ง พบว่าร้านค้าหลายแห่งที่เคยจำหน่ายน้ำกระท่อมและบุหรี่ไฟฟ้าได้ปิดตัวลงทั้งหมด บางร้านเปลี่ยนไปเปิดเป็นร้านเสริมสวย ร้านขายอาหาร และเครื่องดื่มแทน สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์ของมาตรการควบคุมและกวาดล้างจากเจ้าหน้าที่

พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ปัจจุบันตำรวจนครราชสีมาได้ดำเนินการปราบปรามร้านค้าที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ลักลอบจำหน่ายน้ำต้มใบกระท่อมอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจับกุมผู้กระทำผิดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ถึงปัจจุบัน มีการดำเนินคดีไปแล้วกว่า 187 คดี หลายร้านถูกสั่งปิดนานถึง 5 ปี โดยเฉพาะร้านที่จำหน่ายให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี

สำหรับบุหรี่ไฟฟ้า ถือเป็นสิ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาดภายใต้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 การมีไว้เพื่อจำหน่ายถือเป็นความผิดร้ายแรง ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เจ้าหน้าที่ตำรวจย้ำว่า หากประชาชนพบเห็นการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำกระท่อมผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 191

ด้านนางรัชติยา รัตนอัมพา อายุ 78 ปี ชาวอำเภอเมืองนครราชสีมา เปิดเผยว่า ในฐานะผู้ปกครองที่มีหลานอยู่ในวัยเรียน 2 คน คนหนึ่งเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 และอีกคนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่1 ตนรู้สึกเป็นห่วงอย่างมากหลังทราบข่าวกรณีเด็กนักเรียนในจังหวัดบุรีรัมย์ต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำกระท่อม ปัจจุบันสังคมเปลี่ยนไปมาก ผู้ปกครองไม่สามารถควบคุมดูแลเด็กได้ตลอดเวลา เมื่อลูกหลานออกจากบ้านไปโรงเรียน ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเจออะไร หรือจะถูกชักชวนไปในทางที่ผิดหรือไม่ ยิ่งในยุคนี้บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำกระท่อมหาซื้อได้ง่าย ทั้งจากร้านค้าที่เปิดขายโดยตรงและผ่านช่องทางออนไลน์ เด็กหลายคนยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอ เมื่อเห็นเพื่อนใช้ก็อยากลองตามกันไปโดยไม่รู้ถึงอันตรายที่แท้จริง

“อยากให้รัฐบาลจัดการที่ต้นตอของปัญหา กวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้า น้ำกระท่อม หรือแม้แต่กัญชาให้หมดไปจากประเทศไปเลยยิ่งดี เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่ออนาคตของเด็กๆ และทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองต้องอยู่ในความกังวลตลอดเวลา” นางรัชติยาฯ กล่าว

ขณะที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา (สคร.9) ก็ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่าผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ดูน่าสนใจ คล้ายขนมหรือของเล่น อีกทั้งยังมีการแต่งกลิ่นและรสชาติหลากหลาย ส่งผลให้เยาวชนหันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้นโดยไม่ตระหนักถึงอันตรายที่แฝงอยู่ เช่น โรคปอดอักเสบ หรือ EVALI (E-cigarette or Vaping product use Associated Lung Injury) ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงทั้งต่อตัวผู้สูบและคนรอบข้าง

โดยนายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการ สคร.9 เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้ามีกลยุทธ์ทางการตลาดที่มุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชน โดยสร้างภาพลักษณ์ว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเรื่องเท่และทันสมัย ออกแบบให้มีลักษณะเหมือนของใช้ทั่วไปเพื่อหลอกลวงผู้ปกครองและครู นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่บิดเบือนเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเผยแพร่ในสังคมออนไลน์ ส่งผลให้มีผู้เข้าใจผิดและหลงเชื่อ

จากข้อมูลของ สคร.9 มี 5 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าที่ควรรู้ ได้แก่ 1.บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายไม่แพ้บุหรี่ธรรมดา เนื่องจากมีโลหะหนัก สารก่อมะเร็ง และฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สามารถทำให้เกิดโรคปอดบวม โรคหลอดเลือด และโรคหัวใจ, 2.บุหรี่ไฟฟ้าไม่ช่วยให้เลิกสูบบุหรี่มวนได้ เพราะมีนิโคตินในระดับสูง ต่างจากยาเลิกบุหรี่ที่ใช้ทางการแพทย์, 3.บุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวนำไปสู่การสูบบุหรี่มวน งานวิจัยระบุว่าเด็กที่เริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มพัฒนาไปสูบบุหรี่มวนมากขึ้นถึง 2-4 เท่า, 4.บุหรี่ไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรง มีสารนิโคตินและสารปรุงแต่งกลิ่นมากกว่า 16,000 ชนิด เช่น ฟอร์มาลีน เบนซิน และยาฆ่าแมลง ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย และ 5.บุหรี่ไฟฟ้ากระตุ้นการเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยนิโคตินช่วยสร้างเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงเนื้องอก ทำให้มะเร็งขยายตัวเร็วขึ้น

ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนตกเป็นเหยื่อของบุหรี่ไฟฟ้า นายแพทย์ทวีชัยแนะนำให้ผู้ปกครองและครูช่วยกันให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงพูดคุยกับเด็กและเยาวชนอย่างใกล้ชิด หากต้องการเลิกบุหรี่ สามารถขอคำปรึกษาได้ที่สายด่วนเลิกบุหรี่ โทร. 1600 และหากพบการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าสามารถแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน สคบ. โทร. 1166 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่กรมควบคุมโรค โทร. 1422

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.