ขายเพราะความกลัว ชาวบ้านยอมปล่อยที่ดินหลุดมือถึงทุนจีนปลูกทุเรียน
GH News February 27, 2025 09:11 PM

 

ขายเพราะความกลัวทั้งที่ไม่รู้จักว่าเป็นใคร เสียงสะท้อนจากชาวบ้านผู้ที่ยอมปล่อยที่ดินหลุดมือถึงทุนจีนปลูกทุเรียน ระบุมีการเปลี่ยนมือไปนานแล้วจนไม่รู้เส้นทางการตกทอดถือครอบครอง ส่วนชาวบ้านอีกหลายรายเผยเจ้าของสวนไม่จ้างแรงงานคนพื้นที่ เหตุบ้านใกล้ถูกมองเป็นกลุ่มแรงงานขาดคุณภาพไม่ตั้งใจทำงาน

วันที่ 27 ก.พ.68 เวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่หมู่บ้านเขากล้วยไม้ พื้นที่ ม.14 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา หลังพื้นที่ในหมู่บ้านตกเป็นข่าวดังผ่านทางสื่อว่ามีทุนจีนเข้ามากว้านซื้อที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ ที่เคยมีชาวบ้านทำกินตามเอกสารการถือครอง ภบท.5 และบางส่วนถูกจัดสรรให้ทำกินตามโครงการ คทช. ของ จ.ฉะเชิงเทรานั้น ชาวบ้านทั่วไปส่วนใหญ่ยังไม่ทราบในรายละเอียด

โดย น.ส.สลักจิต ทักษิณ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 515 ม.5 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ตนเองได้ยินกระแสข่าวอยู่เช่นกัน แต่ไม่ทราบว่ามีทุนจีนเข้ามาในพื้นที่ตั้งแต่เมื่อใด โดยได้เห็นว่าแปลงพื้นที่ดังกล่าวมีการปลูกทุเรียนมาเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา และเห็นเพียงคนงานจากในสวนออกมาซื้อของที่ร้านค้าในหมู่บ้านอยู่บ้างเท่านั้น จนมาทราบอีกครั้งเมื่อมี จนท.เข้ามายึดพื้นที่แล้วเมื่อหลายวันก่อน โดยที่ไม่ทราบว่าเจ้าของเดิมในพื้นที่แปลงนั้นเป็นใครบ้าง และคงมีการซื้อขายต่อกันหลายทอดมานานแล้ว ซึ่งอาจจะมีทั้งที่เสียชีวิตไปแล้วและอาจย้ายออกจากหมู่บ้านไปอยู่ยังที่อื่นแล้ว

โดยครั้งแรกที่มีการปลูกทุเรียนชาวบ้านต่างเข้าใจกันว่า เป็นของคนทั่วไปที่เขาทำสวนกันตามปกติ เหมือนกับเมื่อเราซื้อที่ดินแล้วก็เข้ามาปลูกของกินทำสวนขายผลผลิตกันไปตามปกติของชาวบ้าน ไม่ได้คิดว่าจะเป็นนายทุนจีนเข้ามาปลูกทำสวนทุเรียนแต่อย่างใด โดยไม่ได้มีใครคาดคิดไปไกลกันจนถึงขนาดนั้น จนเมื่อมีเจ้าหน้าที่เข้ามา จนกลายเป็นเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ และปกติชาวบ้านก็ไม่ได้เข้าไปยังที่ชายป่าชายเขากันบ่อยนัก

เพราะกลัวจะถูกช้างป่าทำร้าย เนื่องจากบริเวณนี้ช้างดุ จนชาวบ้านกลัวกันจนจะอดตายกันอยู่แล้วเพราะออกไปทำกินกันไม่ได้ เพราะมีช้างออกมาเดินขวักไขว่อยู่ในหมู่บ้านบ่อยครั้ง และเข้ามาเดินกันจนถึงในตลาดกลางชุมชนโดยที่ตนมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง ซึ่งเสี่ยงชีวิตต่อการถูกช้างป่าทำร้ายมาก น.ส.สลักจิต กล่าว

 

ขณะที่ น.ส.สมหมาย (นามสมมุติ) อายุ 48 ปี ชาวบ้านอีกรายระบุว่า เดิมทีเคยเห็นพื้นที่บริเวณนั้นเขาทำเป็นสวนป่ามะม่วงหิมพานต์ ซึ่งเป็นพื้นที่แปลงใหญ่คร่อมระหว่าง ม.14 และ ม.20 ต.คลองตะเกรา มานานหลายปีแล้ว จนมามีข่าวเกิดขึ้นจึงตกใจเพราะไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่เขาเข้ามาทำอะไรกัน โดยมากันเป็นจำนวนมาก และไม่รู้ว่าป่าบริเวณนั้นเจ้าของที่เข้ามาทำกันในรูปแบบของบริษัทเอกชน เพราะตนก็มีแปลงไร่มันอยู่ใกล้เคียงกันกับสวนทุเรียนแปลงนั้นด้วย น.ส.สมหมาย ระบุ

ส่วนด้านนางสีดา ใจหาญ อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 251 ม.14 ต.คลองตะเกรา กล่าวว่า พอทราบข่าวอยู่บ้างว่าเขาเข้ามาปลูกทุเรียนในพื้นที่ เพราะเป็นร้านค้าขายแต่เราจะไปทำอะไรเขาได้เพระเราเป็นแค่ชาวบ้าน และยังทราบว่าเขาไม่ได้จ้างคนงานในพื้นที่เลย โดยเขาบอกว่าเพราะที่มีบ้านอยู่ใกล้จะทำให้ไม่ตั้งใจทำงานและจ้องแต่จะกลับบ้าน หรือทำงานให้เขาได้ไม่เต็มที่เมื่อนึกอยากจะไปทำงานก็ไปวันไหนไม่อยากไปก็ไม่ไป ไม่เหมือนกับคนงานที่มาจากพื้นที่อื่น ที่ต้องพักอยู่แต่ภายในสวนจึงตั้งใจทำงานมากกว่าทำงานดีกว่า เพราะเคยมีคนในหมู่บ้านเข้าไปสมัครขอทำงานแล้วแต่เขาไม่รับ

 

เดิมนั้นตนเองก็เคยมีที่ดินอยู่ที่ด้านหลังเขาในบริเวณนั้นเช่นเดียวกัน จำนวน 13 ไร่ปลูกอ้อยปลูกมัน แต่เมื่อเห็นเขาขายกันจึงได้ตัดสินใจขายกับเขาให้แก่คนมีเงิน ที่เข้ามาหาซื้อในราคาไร่ละ 6 พันบาทเมื่อหลายสิบปีก่อน เพราะกลัวเขาและที่ดินเราก็แปลงขนาดเล็กกว่าใครคงพูดอะไรไม่ได้ เพราะคนที่เขาขายกันนั้นเป็นพื้นที่แปลงใหญ่ จึงเกรงกลัวไปทุกอย่างทั้งเรื่องของทางเข้าออกและกลัวคนมีเงินที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครที่เข้ามาหากว้านซื้อที่ดิน

 

แต่ก็มีบางคนเขาก็ยังไม่ยอมขาย โดยเขาบอกว่าจะลองทำกินต่อไปก่อนหากมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ไหวแล้วจึงจะขาย เขาจึงยังทำสวนยางอยู่ได้ใกล้กับแปลงทุเรียนจนถึงทุกวันนี้ โดยที่เขายังไม่ได้ขายที่ดินไป โดยที่ตนต้องขายนั้นเพราะเกรงกลัวอิทธิพลเขาตามประสาชาวบ้าน ไม่ใช่อยากจะขายแต่มันจำเป็นที่จะต้องขาย ทั้งที่ไม่รู้จักตัวเขาด้วยว่าเป็นใคร ทราบแต่ว่าเป็นคนมีเงินและเขาซื้อที่ดินเป็นจำนวนมาก โดยได้เงินมาแค่เพียงไร่ละหกพันบาท จากที่เขาบอกจะให้ไร่ละ 1 หมื่นบาท

โดยที่ดินที่เคยครอบครองอยู่ตรงนั้น เป็นเงินที่ขายที่ดินของพ่อแม่มาจาก จ.ร้อยเอ็ด เพื่อมาซื้อเมื่อกว่า 30 ปีก่อนตั้งแต่ตนอายุ 38 ปีจนปัจจุบันอายุ 69 ปีแล้ว เป็นการซื้อที่ดินที่คนเดิมนั้นมาหักร้างถางพงจนเตียนไปหมดแล้ว จึงได้มาซื้อต่อจากเขา เพราะเป็นคนที่มาจากทางภาคอีสานเหมือนกัน และเมื่อขายที่ดินที่เคยซื้อไว้ไปแล้ว ก็ไม่ทราบว่าได้ตกทอดไปสู่ใครบ้างก่อนที่จะกลายมาเป็นสวนทุเรียนจากทุนจีนตามที่เป็นข่าวกัน นางสีดา กล่าว

                                                      

 

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.