ไทย-สิงคโปร์ ฉลอง 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต เปิดนิทรรศการ “Orchids from the Land of Smiles” อวดความงามกล้วยไม้ไทย

ในโอกาสครบรอบ 60 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและสิงคโปร์ ในปี 2568 สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ ได้จัดงานเฉลิมฉลองระหว่างวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ด้วยสองกิจกรรมที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ได้แก่ งานเฉลิมฉลอง 60 ปี แห่งการเดินทางร่วมกันของไทยและสิงคโปร์ “Celebrating 60 Years Shared Journey of Thailand and Singapore” ณ สถานเอกอัครราชทูต และนิทรรศการกล้วยไม้ไทย “Orchids from the Land of Smiles” ณ Gardens by the Bay ซึ่งถือเป็นกิจกรรมเปิดตัว (Kick-Off) ของการเฉลิมฉลองตลอดทั้งปี 2568 โดยงานดังกล่าวได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญ ภาคธุรกิจ และประชาชนจากทั้งสองประเทศเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

โดยประเทศไทยและสิงคโปร์ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เมื่อปี พ.ศ. 2508 แต่เมื่อย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์จะพบว่ารากฐานความสัมพันธ์ไทยและสิงคโปร์ เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่สมัยของพระบาทสมเด็จ

พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ นายตัน กิม เจ็ง ชาวสิงคโปร์เชื้อสายจีน เป็นกงสุลใหญ่คนแรกของไทยประจำสิงคโปร์เมื่อปี พ.ศ. 2406 และต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2414 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินเยือนสิงคโปร์ พร้อมพระราชทานช้างสำริดให้กับสิงคโปร์ เพื่อเป็นการระลึกถึงการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสิงคโปร์เป็นครั้งแรก และทรงซื้อที่ดิน พร้อมอาคาร Hurricane House โดยที่ดินแปลงดังกล่าวได้สืบทอดมาเป็นที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตฯ ในปัจจุบัน

ในโอกาสนี้ นายลอย ฮุย เซียน อธิบดีกรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ ในฐานะแขกเกียรติยศ กล่าวว่า ไทยยังเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่ให้การรับรองเอกราชของสิงคโปร์ในปี พ.ศ. 2508 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ และต่อมาทั้งสองประเทศได้ร่วมมือกันก่อตั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ในปี พ.ศ. 2510 ภายใต้ปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) ที่พระราชวังสราญรมย์ กรุงเทพฯ

ในปฏิญญาดังกล่าว ประเทศสมาชิกผู้ก่อตั้งอาเซียน รวมถึงไทยและสิงคโปร์ ได้ให้คำมั่นว่า “จะร่วมกันสร้างมิตรภาพและความร่วมมือ” และ “เสริมสร้างสันติภาพ เสรีภาพ และความมั่งคั่งให้แก่ประชาชนและคนรุ่นหลัง” ความร่วมมือนี้เป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยผลักดันให้อาเซียนเติบโตจนกลายเป็นประชาคมที่เข้มแข็งในปัจจุบัน

ในปัจจุบัน ไทยและสิงคโปร์มีความร่วมมือทางเศรษฐกิจและดิจิทัลที่แน่นแฟ้น อาทิ โครงการ PromptPay-PayNow ซึ่งเป็นระบบชำระเงินข้ามพรมแดนที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั้งสองประเทศ และเป็นโครงการต้นแบบให้กับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค

ทั้งนี้ภายในงาน “Orchids from the Land of Smiles” ที่ สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ ได้ร่วมมือกับ Gardens by the Bay จัดนิทรรศการขึ้น ณ Cloud Forest ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่สะท้อนถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของสองประเทศ โดยมีนางอินดรานี ราชา (Ms. Indranee Thurai Rajah) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคนที่สองของกระทรวงการคลังและกระทรวงการพัฒนาประเทศของสิงคโปร์เป็นแขกเกียรติยศ

นางอุรีรัชต์ เจริญโต เอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ กล่าวในพิธีเปิดงานความตอนหนึ่งว่า ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานเปิดตัว “กล้วยไม้จากดินแดนแห่งรอยยิ้ม” (Orchids from the Land of Smiles) งานแสดงดอกไม้ที่เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สิงคโปร์ ในปี 2568 ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงมิตรภาพ อันยาวนานและแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ ฯพณฯ อินทรานี ราชาห์ ในฐานะแขกผู้มีเกียรติของเราในวันนี้ เช่นเดียวกับในสิงคโปร์ กล้วยไม้เป็นดอกไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย โดยประเทศไทยเป็นแหล่งกำเนิดของกล้วยไม้มากกว่า 1,000 สายพันธุ์ ในหลายวัฒนธรรม กล้วยไม้เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา ความสง่างาม ความแข็งแกร่ง และความมั่งคั่ง อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับความรัก สันติภาพ ความชื่นชม และความสำเร็จ เนื่องจากมีคุณลักษณะที่หลากหลาย

“ด้วยสีสันที่สดใส ความคงทน และความสามารถในการออกดอกตลอดทั้งปี ทำให้กล้วยไม้แวนด้า มิส โจคิม ได้รับเลือกให้เป็นดอกไม้ประจำชาติของสิงคโปร์ ซึ่งในวัฒนธรรมไทย กล้วยไม้มีบทบาทสำคัญหลายด้าน โดยมักใช้เป็นเครื่องสักการะในวัดเพื่อแสดงถึงความเคารพและความศรัทธา นอกจากนี้ยังถูกนำมาใช้เป็นของขวัญเพื่อแสดงความเคารพต่อครูในวันครูของไทย ซึ่งตรงกับวันที่ 16 มกราคมของทุกปี เนื่องจากกล้วยไม้เป็นสัญลักษณ์ของความพากเพียรและความทุ่มเทของครูในการสอนศิษย์ เช่นเดียวกับที่กล้วยไม้เติบโตได้ด้วยการดูแลเอาใจใส่ ความสัมพันธ์ไทย-สิงคโปร์ก็ได้รับการหล่อเลี้ยงด้วย ความไว้วางใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน ตลอดจนความร่วมมือที่แน่นแฟ้นเป็นเวลากว่า 60 ปี และในวันนี้ เรากำลังเก็บเกี่ยวผลแห่งมิตรภาพที่มั่นคงและความร่วมมือที่ก้าวหน้าในหลายมิติ” เอกอัครราชทูตอุรีรัชต์ กล่าว

ภายหลังการเปิดงาน เอกอัครราชทูตอุรีรัชต์ และรัฐมนตรีอินดรานี ได้ร่วมกันปลูกกล้วยไม้สายพันธุ์ Paphiopedilum exul ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบได้เฉพาะบริเวณชายฝั่งตะวันออกของอ่าวภูเก็ตและกระบี่ในภาคใต้ของประเทศไทยเท่านั้น

ภายในงานได้จัดแสดงผลงานของช่างฝีมือไทย ถ่ายทอดเป็นสถาปัตยกรรมและสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมสำคัญของไทย อาทิ ช้างเผือกทรงคชาภรณ์ และพญานาคเจ็ดเศียร โดยมีฉากหลังเป็นวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอกของพระบรมมหาราชวัง ที่น่าสนใจคือพระบรมมหาราชวังนั้น ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษผู้ประจำอยู่ที่สิงคโปร์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสิงคโปร์ของพระองค์ในปี พ.ศ.2414
นิทรรศการนี้ไม่เพียงเป็นการจัดแสดงความงามของกล้วยไม้ไทย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างไทยและสิงคโปร์ ซึ่งหยั่งรากลึกและเติบโตอย่างมั่นคงตลอดหกทศวรรษ โดยนิทรรศการ “Orchids from the Land of Smiles” จะจัดแสดงต่อเนื่องจนถึงช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2568

งานเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 60 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและสิงคโปร์ มิใช่เพียงการย้อนรำลึกถึงอดีตอันยาวนาน แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการร่วมกันวางรากฐานสู่อนาคตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ มีกำหนดจัดกิจกรรมสำคัญตลอดทั้งปีนี้ รวมถึงงานเสวนาวิชาการ “Thailand and Singapore @60: Echoing the Past, Envisioning the Future” ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2568 และนิทรรศการเกี่ยวกับการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนกันยายน 2568

60 ปีที่ผ่านมาเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางของไทยและสิงคโปร์ ด้วยพื้นฐานของความร่วมมือที่แข็งแกร่ง ไทยและสิงคโปร์พร้อมที่จะก้าวไปสู่อนาคตที่เต็มไปด้วยโอกาส ไม่ว่าจะเป็นด้าน เทคโนโลยี นวัตกรรม พลังงานสีเขียว และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ดังที่เอกอัครราชทูตอุรีรัชต์ เจริญโต ได้กล่าวไว้ว่า “ดิฉันมั่นใจว่าเราจะยังคงมุ่งมั่นสานต่อความร่วมมือ แสวงหาโอกาสใหม่ ๆ และเสริมสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น” มิตรภาพที่หยั่งรากลึกของไทยและสิงคโปร์จะยังคงเติบโตเหมือนต้นไม้ที่ได้รับการดูแลอย่างดีและพร้อมที่จะออกดอกออกผล เพื่อประชาชนของทั้งสองประเทศและคนรุ่นต่อไป”