คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย
แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าการที่ “อีลอน มัสก์” สามารถร่ำรวยจนกลายเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับโลกได้นั้น สืบเนื่องมาจากเขามีโอกาสได้รับการอุปถัมภ์ทางด้านโครงการยักษ์ใหญ่ของเขาจากรัฐบาลสหรัฐฯ และการที่เขาเป็นผู้ที่ควักกระเป๋าบริจาคเม็ดเงินรายใหญ่ที่สุดให้แก่ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” จนสามารถได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งขุนพลที่ปรึกษา ณ ทำเนียบขาว จนมีอำนาจไร้ขอบเขตได้ ก็มิใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด
แต่ดูเหมือนว่าขณะนี้อีลอน มัสก์ กำลังกลายเป็นเป้าหมายของการโจมตีจากทั้งค่ายพรรคเดโมแครต และจากนักการเมืองภายในค่ายพรรครีพับลิกันด้วยกันเอง จนมีผลทำให้คะแนนนิยมของเขากำลังร่วงหล่นตกฮวบ ทำให้คำถามต่างๆเกิดขึ้นมาอย่างมากมาย อาทิ ประธานาธิบดีทรัมป์คิดถูกหรือไม่ที่เลือกเขามาเป็นที่ปรึกษา!!!
ทั้งนี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2025 ถึงแม้ว่าอีลอน มัสก์ จะถูกจัดให้ไปนั่งในเก้าอี้เสริมนอกแถวที่เตรียมเอาไว้ก็ตาม แต่กลับปรากฏว่าเขากลับเป็นผู้ที่ออกไปพูดอภิปรายในที่ประชุมมากที่สุดรองจากประธานาธิบดีทรัมป์เท่านั้นเอง
ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดนี้ ปรากฏว่าอีลอน มัสก์ อารมณ์เสียสติหลุดจนเกิดปะทะคารมอย่างดุเดือดกับ “รัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอ” นักการเมืองมืออาชีพที่ได้รับเลือกในตำแหน่งวุฒิสมาชิกมาแล้วถึงสามสมัย และยังเคยเป็นคู่แข่งขันในตำแหน่งประธานาธิบดีกับประธานาธิบดีทรัมป์มาแล้วเมื่อ 8 ปีก่อนอีกด้วย
ที่ผ่านมารัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอ ได้รับการคัดสรรกลั่นกรองเป็นอย่างดีจากบรรดาเพื่อนๆวุฒิสมาชิก และได้รับการรับรองด้วยมติเป็นเอกฉันท์ 99 ต่อ 0 อีกทั้งเขายังอยู่ในอันดับสี่ที่สามารถจะเข้าไปรับตำแหน่งประธานาธิบดีหากมีอะไรเกิดขึ้นกับประธานาธิบดีทรัมป์ และ “รองประธานาธิบดีเจดี. แวนซ์” รวมไปถึง “ประธานสภาผู้แทนราษฎร์ไมค์ จอหน์สัน” และยังดูเหมือนว่า อีลอน มัสก์ จะมิได้ต่อปากปะทะคารมกับรัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอ เพียงคนเดียว แต่เขายังแสดงอาการฉุนเฉียวต่อปากต่อคำกับรัฐมนตรีอีกหลายๆคนในการประชุมอีกด้วย เท่ากับว่าคณะรัฐบาลชุดนี้เริ่มมีการสั่นคลอนแตกหักกันแล้ว!!!
อย่างไรก็ตามจากการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในสองสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอ นั่งอยู่ข้างๆติดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อสบโอกาสเหมาะ เขาก็เปิดฉากเอ่ยปากกระหน่ำโจมตีแก้แค้นเป็นชุดๆนับว่าเป็นดรามาการเมืองประจำสัปดาห์ เกี่ยวกับการที่อีลอน มัสก์ สั่งปิดหน่วยงานของ “องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ”หรือที่เรียกกันย่อๆว่า “USAID” ที่ก่อตั้งมาโดย “ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ.เคนเนดี”เพื่อต้องการให้องค์กรนี้เป็นแขนเป็นขาของกระทรวงต่างประเทศ และขณะนี้อยู่ในความรับผิดชอบโดยตรงจาก รัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โอ รูบิโอ
ทั้งนี้รัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอได้เปิดฉากระบายความคับแค้นขุ่นเคืองในการที่อีลอน มัสก์มิได้พูดถึงความเป็นจริงแถมยังโจมตีเขาว่า มิได้สั่งปลดเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศออกเลย มัวแต่ออกรายการตามสถานีโทรทัศน์ต่างๆเท่านั้น
นอกเหนือจากนั้นรัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอ ยังได้กล่าวเหน็บแนมต่ออีลอน มัสก์ ในทำนองว่า การที่เขาสั่งลดจำนวนของเจ้าหน้าที่ในกระทรวงต่างประเทศออกก่อนเกษียณจำนวน 1,500 คน ยังมิใช่ผลงานของเขาหรืออย่างไร? แถมยังกำลังวางแผนปลดจำนวนคนงานอีกเป็นจำนวนมากอีกด้วย
แต่ดูเหมือนว่าคำอธิบายที่รัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอ สาธยายมาทั้งหมดนั้น มิได้สร้างความกระทบกระเทือนต่ออีลอน มัสก์ เลยแม้แต่น้อย
และในขณะที่อีลอน มัสก์ กับ รัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอ กำลังปะทะคารมโต้แย้งกันอยู่นั้น ปรากฏให้เห็นว่าประธานาธิบดีทรัมป์ ทำได้แค่เพียงนั่งหันไป หันมา ฟังคนโน้นทีคนนี้ที เปรียบเสมือนเขากำลังนั่งดูการแข่งขันเทนนิส
แต่ที่สุดแล้วประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ได้กล่าวอธิบายเชิงปลอบประโลมว่า รัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โก รูบิโอ มีความรับผิดชอบทางด้านกระทรวงต่างประเทศอย่างเต็มมือ โดยต้องทำงานอย่างหนัก ถือว่าทำงานได้อย่างดีสมบูรณ์แบบแล้ว
ในตอนสรุป ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป รัฐมนตรีทุกๆคนจะต้องรับผิดชอบในกระทรวงของตนเองด้านการตัดสินใจลดจำนวนคนงาน
ส่วนอีลอน มัสก์ รับหน้าที่เป็นแค่เพียงที่ปรึกษาอย่างเดียวเท่านั้น(จากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ March 7, 2025 ในห้อข้อเรื่อง “Inside the explosive meeting where Trump officials Clashed with Elon Mask”)
แต่กระนั้นก็ตามในช่วงหกสัปดาห์ที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ ได้สั่งปลดพนักงานของรัฐบาลกลางไปแล้วถึง 30,000 คน ที่ครอบคลุมแทบทุกๆกระทรวง พนักงานของรัฐบาลกลางมีจำนวนทั้งหมดสามล้านคน และกระทรวงที่อีลอน มัสก์ ส่งปลดพนักงานออกไปนั้น มีอาทิกระทรวงมหาดไทยจำนวน 2,300 คน ,กระทรวงพลังงานจำนวน 2,000 คน, กระทรวงทหารผ่านศึก 1,000 คน ,กระทรวงเกษตรกรรม 3,400 คน และพนักงานในกระทรวงกลาโหมอีกจำนวน 5,400 คน โดยอีลอน มัสก์ มีแผนที่จะสั่งปลดเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรอีกกว่า 12,000 คน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมอีก 75 คน!!!
เป็นที่แน่นอนว่า พนักงานของรัฐบาลที่ถูกสั่งปลดออกไป ย่อมได้รับความกระทบกระเทือนอย่างมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นทางด้านจิตใจและทางด้านความเป็นอยู่ เนื่องจากเมื่อไม่มีงานทำแล้วพวกเขาจะเอาเงินจากไหนมา ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนเครดิตการ์ด ค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว รวมถึงค่าโสหุ้ยต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าพนักงานในกระทรวงต่างๆที่ได้รับความกระทบกระเทือนย่อมหมดกำลังใจและขวัญเสียระส่ำระสายกันเป็นอย่างมาก
จากการหยั่งเสียงของ “หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์” ล่าสุดนี้เปิดเผยออกมาว่า มีผู้ที่ไม่พอใจมาตรการของอีลอน มัสก์ 49% แต่ก็มีผู้ที่พอใจ ที่ 34% ในอดีตที่ผ่านมาจากข้อมูลของหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2025 ในหัวข้อ “อีลอน มัสก์ มีนิสัยเป็นจอมเผด็จการชอบครอบงำในองค์การบริษัทของเขา” ดูเหมือนว่าอีลอน มัสก์ ยังมีส่วนทำให้คะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์ ร่วงลงอีกด้วย ดังจะเห็นจากการหยั่งเสียงของสำนักรอยเตอร์ร่วมกับสำนัก Ipsos เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2025นี้ปรากฏให้เห็นว่า ขณะนี้คะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์มีอยู่ที่ 44%
ส่วนการรายงานของ “สำนักหยั่งเสียงสถานีโทรทัศน์ช่องเอบีซี ABC” ปรากฏว่า คนอเมริกันไม่พึงพอใจผลงานของประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ที่ 54.1% ที่คะแนนนิยมร่างลงมาถึง 9% เพียงระยะเวลาหกสัปดาห์
กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นการที่ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ตัดสินใจแต่งตั้งขุนพลคู่ใจที่ปรึกษาเยี่ยง“อภิมหาเศรษฐีอีลอน มัสก์” จะเป็นการช่วยหรือจะถ่วงให้เขาตกต่ำลงไป เพราะขณะนี้อีลอน มัสก์ ดำเนินการสั่งปลดพนักงานของหน่วยรัฐฯต่างๆไปแล้วกว่าสามพันคนในช่วงเวลาแค่เพียงหกสัปดาห์กว่าๆเท่านั้น และยังมีแนวโน้มว่าคงจะมีการสั่งปลดมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างไร้ขอบเขตเหนือความคาดหมาย และหากปล่อยไปอย่างนี้เรื่อยๆคะแนนนิยมที่เคยมีก็คงจะลดน้อยถอยลงไป จนไม่แน่ใจว่าการเลือกตั้งกลางสมัยในอีกปีกว่าๆข้างหน้า พรรคเดโมแครตก็อาจจะได้รับเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆย่อมจะทำให้การบริหารประเทศของค่ายพรรครีพับลิกันต้องเป็นไปอย่างยากลำบากแบบเป็ดปีกหักที่ไม่สามารถจะผ่านร่างกฎหมายต่างๆได้สมดังเจตนารมณ์ละครับ