นักวิชาการชี้ไทยต้องเตรียมตัวหนักมากตั้งโต๊ะถกสหรัฐ ระวังท่าทีห้ามปล่อยทรัมป์โมโห
GH News April 06, 2025 03:00 PM

นักวิชาการชี้ไทยต้องเตรียมตัวหนักมากตั้งโต๊ะถกสหรัฐ ระวังท่าทีห้ามปล่อยทรัมป์โมโห

นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยว่า ผลกระทบเนื่องจากทั่วโลกโดนเหมือนกันหมด เป็นการตั้งกำแพงภาษีไว้เพื่อรอการเจรจาต่อรอง จึงขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐบาล ว่าจะเจรจาต่อรองได้ดีมากน้อยเท่าใด หากทำได้ดีตามที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐต้องการ อัตราภาษีสินค้าที่ต้องจ่ายอาจลดลงเหลือ 0% ก็ได้ จากที่ตั้งไว้ 37% แบ่งครึ่งจากการเกินดุลการค้าเทียบกับปริมาณการส่งออกที่คำนวณไว้ทั้งหมด โดยสิ่งสำคัญคือ ประเทศไทยต้องไม่ดำเนินมาตรการตอบโต้สหรัฐ เพราะจะเป็นฉนวนทำให้ทรัมป์โมโหแล้วเก็บเพิ่มขึ้นได้ แม้มีคำแนะนำบางประการบอกให้ร่วมมือกับประเทศอื่น ซึ่งทรัมป์ได้ขู่ไว้แล้วว่าจะเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่านี้ เพราะฉะนั้นห้ามมีท่าทีตอบโต้เกิดขึ้นเด็ดขาด โดยการเจรจาร่วมกันจะต้องเตรียมเนื้อหาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของไทยมากที่สุด แต่ต้องไม่ทำให้เกิดความหมั่นไส้จนเกิดการโมโหได้ เพราะต้องยอมรับว่าทรัมป์ขี้โมโห และดำเนินการตามอารมณ์

นายสมชาย กล่าวว่า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมีทั้งทางตรงและทางอ้อม เนื่องจากการทำสงครามการค้าของสหรัฐและประเทศอื่นๆ ทั่วโลกในรอบนี้ จะสร้างปัญหาต่อเศรษฐกิจโลก หลังจากจีนประกาศมาตรการตอบโต้ผ่านการเล่นงานสินค้านำเข้าจากสหรัฐ เก็บภาษีเพิ่มขึ้น 34% โดยเฉพาะสินค้าเกษตร จะควบคุมการส่งออกสินค้าแร่หายากทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอาวุธ ไทยจึงได้รับผลกระทบจากการค้าโลกที่ชะลอตัวลงแน่นอน จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3% แต่อาจยังไม่ได้ติดลบ เพียงแต่จะโตได้แค่ 1% เท่านั้น ภาคการส่งออกไทยจึงต้องทำการบ้านหนักมาก เพราะอาจติดลบได้จากที่คาดว่าจะบวกเล็กน้อย รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่อาจมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาน้อยลง

นายสมชาย กล่าวว่า อัตราการเก็บภาษีจะสูงขึ้นหรือต่ำลง พูดง่ายๆ คือ ทรัมป์คิดมาจากว่า เกลียดประเทศเราหรือไม่ เหมือนจีนที่ต้องการเล่นงานหนัก ส่วนในภูมิภาคเดียวกัน ก็เป็นเวียดนาม ลาว กัมพูชา ที่เก็บในอัตราสูงมากเช่นกัน เพราะมองว่า 3 ประเทศนี้อยู่กับจีน ผลิตสินค้าส่งออกไปสหรัฐ แต่เป็นการเปลี่ยนแหล่งกำเนิดสินค้าจากจีนมาผลิตใน 3 ประเทศนี้ สหรัฐมองว่าเป็นการบิดเบือนความจริง จึงตั้งเก็บภาษีในอัตราสูง แต่ประเทศที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐจะเก็บในอัตราน้อย อาทิ สหราชอาณาจักร เก็บเพียง 10% เท่านั้น ซึ่งไทยถือว่ายังอยู่ในกลุ่มกลางๆ คล้ายอินโดนีเซีย และมาเลเซีย จึงต้องเตรียมการเจรจาให้ครบทุกมิติ ผ่อนปรนการค้านำเข้าจากสหรัฐมากขึ้น โดยเฉพาะสินคาเกษตร น้ำมัน ก๊าซ รวมถึงชักชวนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ที่สหรัฐมีความต้องการเช่นกัน

“มีความกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่มากขึ้น แม้อาจยังไม่ถึงขั้นวิกฤตการณ์วอลล์สตรีทในปี 1929 ที่เห็นตลาดหุ้นสหรัฐลดลงรวดเร็วจนเป็นผลพวงให้เกิดสงครามโลกครั้งใหญ่ขึ้น แต่ห้ามดูถูกว่าจะไม่เกิดขึ้น แม้โอกาสเกิดน้อยก็ต้องระวังไว้และทำการบ้านหนักที่สุด เพราะจากนี้จะเข้าสู่สงครามการกีดกันการค้า สินค้าที่ไม่สามารถไปขายสหรัฐได้ จะทะลักเข้ามาในไทย โดยเฉพาะสินค้าจีนที่จะไหลเข้ามากขึ้นแน่นอน เพราะมีต้นทุนที่ต่ำ ทำได้ราคาได้ต่ำ รัฐบาลจึงต้องเตรียมรับมือไว้อย่างหนักแน่นที่สุด” นายสมชาย กล่าว

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.