จิราพร ถกเครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน 5จว.อีสานเหนือ ติดตามโครงการ SML ก่อนร่วม ครม.สัญจร นครพนม
เมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ จ.นครพนม น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประชุมหารือกับคณะกรรมการเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ในพื้นที่ จ.นครพนม และพื้นที่ใกล้เคียง 5 จังหวัด ได้แก่ จ.นครพนม อุบลราชธานี ศรีษะเกษ อำนาจเจริญ และมุกดาหาร เพื่อติดตามการดำเนินงาน และเตรียมความพร้อมรับโครงการ SML ก่อนเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีนายกฤช เอื้อวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวิชิต เครือสุข รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ หัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านฯ และเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านฯ ในพื้นที่ เขต 4 และเขต 8 ร่วมประชุม
น.ส.จิราพร กล่าวว่า รัฐบาลสนับสนุนทั้งงบประมาณ และอำนาจกับประชาชน ซึ่งทุกหมู่บ้านจะกลายเป็นสภาผู้แทนราษฎรย่อมๆ ในการใช้อำนาจตามหลักประชาธิปไตยเพื่อกำหนดทิศทางการใช้เงินงบประมาณตามโครงการ SML โดยขอฝากให้ กทบ.ช่วยกันดูแลการใช้เงินโครงการ SML ซึ่งเป็นเงินจากภาษีของประชาชนสู่มือประชาชน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโครงการ SML ไม่ใช่โครงการที่ปล่อยสินเชื่อรายบุคคล แต่เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์ ที่ใช้เพื่อพัฒนาหมู่บ้านหรือชุมชนส่วนรวม ทั้งนี้ การจัดสรรเงินให้แต่ละกองทุนหมู่บ้านจะจัดสรรให้ตามสัดส่วนจำนวนประชากรของหมู่บ้านหรือชุมชนที่กองทุนหมู่บ้านตั้งอยู่ หากมีประชากรไม่เกิน 500 คน (S) จัดสรรให้สองแสนบาท ประชากรตั้งแต่ 501 – 1,000 คน (M) จัดสรรให้สามแสนบาท และประชากรตั้งแต่ 1,001 คนขึ้นไป (L) จัดสรรให้สี่แสนบาท โดยกองทุนหมู่บ้านที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรเงินจะต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว และส่งงบการเงินปี 2566-2567 รวมทั้งคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านจะต้องอยู่ในวาระการดำรงตำแหน่งปัจจุบัน
น.ส.จิราพร กล่าวว่า นอกจากนี้ การประชุมประชาคมเพื่อเสนอโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ต้องมีองค์ประชุมประกอบด้วยผู้แทนครัวเรือนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด และในจำนวนนี้ต้องเป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้านไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกกองทุนหมู่บ้านทั้งหมด ทั้งนี้ เน้นย้ำว่าการทำประชาคมจะต้องมีความโปร่งใส เป็นไปตามความต้องการของคนส่วนใหญ่ในชุมชน โดยทางสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ มีช่องทางให้ประชาชนแจ้งเรื่องร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสการทุจริตได้หลายช่องทาง เช่น ผ่านแอพพ์ทางรัฐ