เซเลนสกีปลื้ม EU-อังกฤษ ลุยคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ ไม่รอทรัมป์

สหภาพยุโรป (อียู) และอังกฤษประกาศมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ต่อรัสเซียในวันที่ 20 พฤษภาคม โดยไม่รอการเข้าร่วมของรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่แสดงท่าทีลังเลโดยให้เหตุผลว่า มันอาจจะทำให้ทุกอย่างแย่ลง ในเวลาที่เขาคิดว่ามีโอกาสจะทำให้เกิดความคืบหน้าหรือผลสำเร็จได้

หลังจากการโทรศัพท์หาระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียเมื่อวันจันทร์ ที่ไม่ได้นำไปสู่การหยุดยิงทันทีในยูเครนตามที่ผู้นำชาติตะวันตกและเซเลนสกีเรียกร้อง หรือมีการประกาศมาตรการคว่ำบาตรใหม่จากสหรัฐ อียูและอังกฤษก็ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมในส่วนของตนทันที

อียูและอังกฤษระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรใหม่จะมุ่งเป้าไปที่ “กองเรือเงา” ของรัสเซียที่ลักลอบขนน้ำมันหลบเลี่ยงการคว่ำบาตร และบริษัททางการเงินที่ช่วยให้รัสเซียหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรอื่นๆ ก่อนหน้านี้

เซเลนสกีโพสต์บนเทเลแกรมว่า “การคว่ำบาตรเป็นเรื่องสำคัญ ผมรู้สึกขอบคุณทุกคนที่ทำให้การคว่ำบาตรเป็นเรื่องจับต้องได้จริงต่อผู้ที่ก่อสงคราม แต่จะเป็นเรื่องดีหากสหรัฐเข้ามามีบทบาทเพิ่ม และอเมริกาควรมีส่วนร่วมในการผลักดันสันติภาพเกิดได้เร็วขึ้น”

มาตรการคว่ำบาตรครั้งล่าสุดของชาติตะวันตกนี้มีขึ้นโดยปราศจากการตอบรับจากสหรัฐ แม้ผู้นำยุโรปจะเรียกร้องและพยายามอย่างหนักให้รัฐบาลสหรัฐร่วมกดดัน หากรัสเซียไม่ยอมรับข้อเสนอหยุดยิงทันทีโดยปราศจากเงื่อนไข ที่พวกเขากำหนดเส้นตายไว้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม

โยฮันน์ วาเดฟุล รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี กล่าวระหว่างประชุมกับรัฐมนตรีอียูที่กรุงบรัสเซลส์ว่า เราย้ำชัดเจนหลายครั้งว่าเราคาดหวังจากรัสเซียเพียงสิ่งเดียวคือการหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข เมื่อรัสเซียไม่ยอมรับ เราจึงต้องตอบโต้ และเราคาดหวังให้สหรัฐ พันธมิตรของเราไม่เพิกเฉยต่อเรื่องนี้

ด้านทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันที่ 20 พฤษภาคมว่า เขากำลังพิจารณาทางเลือกต่างๆ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม “เรากำลังดูหลายทางเลือกอยู่ แต่ต้องรอดูกัน”

มาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซียทั้ง 4 ชุดดังกล่าวประกอบด้วย การพุ่งเป้าจัดการกับกองเรือเงาของมอสโก และมาตรการที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเคมี สิทธิมนุษยชน และภัยคุกคามแบบผสมผสาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อบุคคลและนิติบุคคลมากกว่า 130 ราย

ทั้งนี้ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกองเรือเงา อียูและพันธมิตรจะขึ้นบัญชีดำอีก 75 องค์กรใหม่ รวมถึงบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย บริษัทประกันภัยทางเรือ และบริษัทจัดการกองเรือเงา 4 แห่งใน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตุรกี และฮ่องกง

พร้อมกับเพิ่มรายชื่อเรือบรรทุกน้ำมันอีก 189 ลำในบัญชีคว่ำบาตร ส่งผลให้เรือที่ถูกขึ้นบัญชีทั้งหมดรวมเป็น 324 ลำ ทั้งยังมีการเจรจากับประเทศที่ให้การจดทะเบียนเรือ เพื่อจำกัดไม่ให้มอสโกใช้ “ธงอำนวยความสะดวก” ซึ่งหมายถึงการที่เจ้าของเรือจดทะเบียนเรือของตนในประเทศอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงกฎระเบียบหรือภาระทางกฎหมายในประเทศของตนเอง โดยเรือที่ถูกขึ้นทะเบียนคว่ำบาตรรอบล่าสุดนี้ มีการจดทะเบียนภายใต้ธงของประเทศในแอฟริกา เช่น เซียร์ราลีโอน กาบอง และคอโมโรส ประเทศในทะเลแคริบเบียนและแปซิฟิก อินเดีย อาเซอร์ไบจาน และรัฐในยุโรปที่ไม่มีทางออกทะเลอย่าง ซานมารีโน

นอกจากนี้ยังจะเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นในการควบคุมสินค้าที่ใช้ได้สองทาง (dual-use items) หรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้ทั้งในเชิงพาณิชย์และทางการทหารได้ พร้อมกับขึ้นบัญชีดำหน่วยงานและบริษัทที่สนับสนุนอุตสาหกรรมทางทหารของรัสเซียในจีน เบลารุส และอิสราเอล

มาตรการเหล่านี้แสดงถึงความพยายามที่จะตัดเส้นทางการเงินและโลจิสติกส์ของรัสเซีย เพื่อบีบให้ยุติสงครามในยูเครน