กทม.ปรับแผนให้เครื่องจักรรื้อซาก สตง.ถล่ม เป็นกำลังหลัก แจงปมยอดผู้เสียชีวิต ยึดผล รพ.ตำรวจ
เมื่อวันที่ 6 เมษายน รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. และ ผู้อำนวยการเขตจตุจักร แถลงความคืบหน้าการปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายในพื้นที่อาคาร สตง.ถล่ม วันที่ 9 เข้าสู่วันที่ 10
นายสุริยชัยกล่าวถึงการปฏิบัติงานว่า บริเวณโซน B วันนี้จะเอาซากทาวเวอร์เครนที่ล้มทับอยู่ในกองตั้งแต่วันเกิดเหตุออก แล้วจะทำการค้นหาอีกครั้ง โดยการเอาปูนที่แตกออกมาถมลงกลับไปที่พื้น หลังจากค้นหาบริเวณนั้นแล้วไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม เพื่อให้เครื่องจักรหนักและรถแบ๊กโฮแขนยาวเข้าไปทำงานบริเวณจุดนั้นได้ เพื่อช่วยปฏิบัติงานโซน B และ C ในการนำยอดกองซากปรักหักพังที่มีซากปูนและเหล็กขนาดใหญ่ ซึ่งมีโอกาสจะสไลด์ลงมาได้ทุกด้านออกก่อน ก็จะทำให้การปฏิบัติงานคล่องตัวมากขึ้น
นายสุริยชัยกล่าวต่อว่า ส่วนโซน C ได้เอาทางเชื่อมของอาคารลานจอดรถกับอาคารที่ถล่ม ซึ่งห้อยอยู่ออกแล้ว เพราะถือเป็นพื้นที่เสี่ยงกับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน โดยการดำเนินการขุดเข้าไปในจุดโถงบันไดโซน B และโซน C ที่ทราบข้อมูลจากผู้รอดชีวิตว่าวิ่งหนีออกมากับเพื่อนๆ คนอื่นมาบริเวณทางเชื่อมลานจอดรถ พอหันกลับไปก็เห็นเพื่อนถูกอาคารถล่มทับ คาดว่าจะมีความคืบหน้าเพิ่มเติม ขณะที่โซน A ด้านหน้า กับโซน D ก็ดำเนินการควบคู่กันไปเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า
นายสุริยชัยกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ยังคอยใช้กล้องมอนิเตอร์การทำงานของเครื่องจักร เพื่อสังเกตจุดที่จะตักและขุดเจาะเปิดพื้นที่ และยังมีทีมโดรนจะซูมเข้าไป คอยสังเกตการทำงานของเครื่องจักร เพื่อค้นหาผู้ประสบภัย และไม่ให้กระทบกับผู้ประสบภัยระหว่างดำเนินการ
นายสุริยชัยกล่าวว่า ทุกๆ วันเมื่อมีการขนซากเหล็กและปูนออกแล้ว เวลา 08.00 น. จะให้ทีม K9 เข้าไปค้นหา เพื่อให้เกิดความละเอียดรอบคอบแม่นยำถึงตำแหน่งของผู้สูญหาย ส่วนการปรับแผนการบินโดรน เพื่อให้ช่วยสนับสนุนการทำงานของทีมช่าง
กรณีดรามาว่ากู้ภัยไปนั่งรอ แต่ไม่มีการมอบหมายภารกิจนั้น นายสุริยชัยอธิบายว่า การทำงานจะแบ่งเป็นทีมค้นหา และทีมกู้ภัย, ทีมเครื่องจักรกล และทีมช่าง, ทีมช่วยเหลือทางแพทย์ ซึ่งตอนนี้ปรับแผนมาให้ทีมเครื่องจักรหนักเป็นหน่วยงานหลัก ส่วนอีก 2 ทีมเป็นทีมสนับสนุน
นายสุริยชัยกล่าวว่า ทีมค้นหาจะช่วยสังเกตการณ์ด้วยการมอง ส่องกล้องระหว่างการทำงาน ถ้าเจอผู้ประสบภัย เครื่องจักรหนักก็จะหยุดแล้วให้ทีมค้นหากู้ภัยเข้าไปตรวจสอบ หากร่างกายติดกับตัวอาคารก็จะเคลื่อนย้ายซากอาคารเพื่อนำร่างออก
นายสุริยชัยกล่าวอีกว่า เมื่อปรับมาใช้เครื่องจักรหนักก็ไม่สามารถให้ปฏิบัติงานที่ใช้คนจำนวนมากได้เหมือนเดิม เพราะจะก่อให้เกิดอันตราย ดังนั้น ต้องให้กลุ่มจำนวนกู้ภัยลดลง และรอระยะเวลาพักคอยจนกว่าจะพบ ถึงจะดำเนินการ ตามขั้นตอนก็คือจะต้องมารายงานตัว แล้วลงทะเบียนการรายงานตัวเพื่อเช็กอุปกรณ์ และนำเข้าไปนั่งรอ เมื่อถึงเวลาจึงจะเรียกเป็นชุดวนรอบ เนื่องจากการทำงานอาจจะใช้เวลานาน จึงใช้เวลาชุดละ 20 นาทีเปลี่ยนครั้งหนึ่ง
นายสุริยชัยกล่าวต่อว่า ส่วนการรื้อถอนซากปรักหักพัง จากการประเมินโดยใช้เทคโนโลยีจากวันแรกถึงปัจจุบัน 9 วันนั้นนำออกไปได้ 3,500 ตัน จาก 40,000 ตัน ซึ่งทุกจุดยังอันตราย เพราะไม่แน่ใจว่าด้านล่างเป็นโพรงหรือไม่ ในการทำงานที่เจอปัญหาวัตถุชิ้นใหญ่บนยอด พอยิ่งดำเนินการยิ่งชัน วิศวกรกังวลเรื่องการสไลด์ จึงมีการปรับแผนดังกล่าว โดยการใช้เครื่องจักรหนักไปนำยอดของกองซากลงมาก่อน
ขณะที่ รศ.ทวิดาเผยว่า กรณีที่พบ 2 ร่าง แต่ยังนับเพิ่มในยอดผู้เสียชีวิตเป็น 1 รายนั้น เพราะแม้จะส่งไปนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจแล้ว แต่ทางนิติเวชยืนยันกลับมาเพียงแค่ 1 ร่าง ส่วนอีก 1 ร่าง จะต้องรอการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลยืนยันให้แน่ชัดก่อน
รศ.ทวิดากล่าวว่า ที่ตัวเลขไม่ตรงกันก่อนหน้านี้ เพราะการนับของเจ้าหน้าที่หน้างานจะนับจากการนำชิ้นส่วนมาประกอบเป็นร่าง แต่การนับทางการของนิติเวชจะต้องนับหลังยืนยันอัตลักษณ์บุคคลแล้วเท่านั้น หลังจากนี้จึงต้องปรับกระบวนการนับยอดผู้เสียชีวิตที่ยืนยันจากนิติเวช รพ.ตำรวจเท่านั้น
รศ.ทวิดากล่าวอีกว่า ส่วนการเยียวยาผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในพื้นที่ กทม. สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบสามารถไปจดแจ้งเพื่อขอรับการเยียวยาได้ที่สำนักงานเขต ไม่ต้องไปที่สถานีตำรวจ เพราะมีมากกว่า 40,000 เคสแล้ว สำหรับผู้ที่แจ้งได้รับความเสียหายในพื้นที่ กทม. จากนั้นฝ่ายโยธาเขตจะลงไปตรวจสอบเพื่อประเมินความเสียหายและจ่ายเยียวยาในการซ่อมแซม
รศ.ทวิดากล่าวต่อว่า ขณะที่การเยียวยาผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอยู่ระหว่างการหารือกับกรมบัญชีกลางเพื่อกำหนดรายละเอียดเพดานการเยียวยา และต้องรอว่าจะมีกระบวนการอย่างไร
ขณะที่ ศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานข้อมูลกรณีอาคารก่อสร้างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหว ณ เวลา 17.00 น. วันที่ 6 เมษายน ผู้เสียชีวิตที่ตรวจพิสูจน์แล้ว 16 ราย สามารถตรวจพิสูจน์ยืนยันเอกลักษณ์บุคคล 14 ราย คืนศพให้ญาติแล้ว 12 ราย