กุ้งก้ามกรามกาฬสินธุ์ แชมป์เมนูยอดฮิตสงกรานต์ คว่ำบ่อขายเกลี้ยง70ตัน25ล.

บรรยากาศจับกุ้งก้ามกรามจำหน่ายหลังเทศกาลสงกรานต์ ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ยังคงคึกคัก เกษตรกรเผยมีออเดอร์เข้ามาทุกวันถึงวันสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์ จนถึงกับคว่ำบ่อเก็บขายทุกตัวหมดเกลี้ยง ขณะที่ประธานกลุ่มพัฒนาผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม ตำบลนาเชือก-ตำบลบัวบาน อำเภอยางตลาด เผยยอดขายกุ้งก้ามกรามในภาพรวมในช่วงนี้ไม่น้อยกว่า 70 ตัน เงินสะพัดกว่า 25 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการจับกุ้งก้ามกรามในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยพื้นที่เลี้ยงอยู่ในเขตใช้น้ำของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว (เขื่อนลำปาว) ต.บัวบาน ต.นาเชือก ต.เขาพระนอน ต.คลองขาม ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด, ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก และ ต.ลำคลอง ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์ พบว่าการค้าขายคึกคัก คล่องตัวดีมาก ลูกค้าส่วนใหญ่นิยมซื้อไปปรุงอาหารทานที่บ้านและเป็นของฝากก่อนเดินทางกลับหลังสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์

นางบุญธรรม อินทร์แสง อายุ 59 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม บ้านตูม ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า กุ้งก้ามกรามกาฬสินธุ์ยังเป็นเมนูยอดนิยมในช่วงเทศกาลซึ่งจะขายดีมากในช่วงเทศกาลปีใหม่และเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากจะมีพี่น้อง ประชาชน นักท่องเที่ยว เดินทางกลับบ้านและเข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก โดยจับกุ้งสดจำหน่ายวันละ 60-100 กก. ตลาดจำหน่ายกุ้งมีทั้งบ่อพักขายปลีก ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าทั่วไป ขายราคาปากบ่อ กก.ละ 250 บาท หากพ่อค้าคนกลางนำไปจำหน่ายต่อก็จะอัพราคาขึ้นตามระยะทาง และตามขนาดของตัวกุ้งเล็ก-ใหญ่ ตั้งแต่ กก.ละ 280-500 บาท

“ถึงแม้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมจะดูซบเซา ไม่เหมือนช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา แต่บรรยากาศการจับกุ้งจำหน่ายยังมีความคึกคัก เนื่องจากกุ้งก้ามกรามถือเป็นอาหารประจำเทศกาล จึงเป็นที่ต้องการของตลาดและผู้บริโภคทั่วไป ทำให้มีออเดอร์เข้ามาตั้งแต่วันที่ 10 เมษายนเป็นต้นมา และจับกุ้งก้ามกรามจำหน่ายทุกวัน ถึงขนาดต้องสูบน้ำออกจากบ่อเลี้ยงกุ้งจนหมด ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าคว่ำบ่อ แล้วช่วยกันจับกุ้งขายหมดทุกตัว หลังจากนั้นก็จะตากบ่อให้แห้ง โรยด้วยปูนขาวเพื่อฆ่าเชื้อ หรือขุดลอกบ่อใหม่ จึงปล่อยน้ำเข้าบ่อ เตรียมเลี้ยงกุ้งรุ่นต่อไป ซึ่งจะได้อายุจับขายช่วงออกพรรษาต่อเนื่องถึงเทศกาลปีใหม่”

นายอนุชา ฤทธิ์เรือง ประธานกลุ่มพัฒนาผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม ต.นาเชือก-ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับยอดการจับกุ้งก้ามกรามจำหน่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งในส่วนเกษตรกรรายย่อยและกลุ่มแปลงใหญ่ จะจัดส่งกุ้งสดตัวเป็นๆ ออกสู่ตลาดประมาณ 70 ตัน เงินสะพัดกว่า 25 ล้านบาท โดยรูปแบบการขายมีทั้งเจ้าของบ่อหรือพ่อค้าคนกลาง นำส่งลูกค้าในพื้นที่และต่างจังหวัด ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง และ สปป.ลาว นอกจากนี้ยังมีในส่วนของการขายทางออนไลน์ นักท่องเที่ยว หรือลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย เดินทางเข้ามาในพื้นที่หรือท่องเที่ยวหาดดอกเกด เขื่อนลำปาว หรือสถานที่อื่นๆ ก็สามารถแวะมาซื้อโดยตรงกับเกษตรกรผู้เลี้ยง หรือจากปากบ่อได้ตามสะดวก

นายอนุชากล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามในส่วนของการประกอบอาชีพเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ของเกษตรกรในพื้นที่ 3 อำเภอดังกล่าว พื้นที่ประมาณ 1,500 ไร่นั้น ยังประสบปัญหาด้านต้นทุนการผลิตที่สูง ทั้งราคาพันธุ์ลูกกุ้ง และอาหารเลี้ยงกุ้ง รวมทั้งปัจจัยการผลิตด้านแหล่งน้ำ สภาพดินฟ้าอากาศที่ร้อนอบอ้าว ขณะที่ราคาจำหน่ายยังคงที่ ผลผลิตไม่คุ้มทุน บางรายขาดทุนซ้ำซาก จึงอยากเรียกร้องให้ทางจังหวัด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาควบคุมต้นทุนการผลิตและกลไกด้านการตลาดด้วย

“กุ้งก้ามกรามเป็นสัตว์เศรษฐกิจอันดับหนึ่งของ จ.กาฬสินธุ์ เคยสร้างรายได้มวลรวมเจ้าจังหวัดไม่น้อยกว่าปีละพันล้านบาท แต่ปัจจุบันพื้นที่เลี้ยงลดลงไปมาก และปล่อยพื้นที่ให้รกร้างว่างเปล่า เนื่องจากเกษตรกรสู้ต้นทุนการผลิตไม่ได้ ประสบปัญหาเลี้ยงกุ้งขาดทุน จึงเลิกล้มกิจการไปอย่างน่าเสียดาย”