ดีเอสไอคุม 3 นอมินี บ.ไชน่าเรลเวย์ฯ ฝากขัง สอบเดือด10 ชม.ชี้บางราย เงินติดบัญชีไม่ถึงหมื่น
GH News April 22, 2025 01:20 PM

ดีเอสไอนำตัว 3 นอมินี คนไทย บ.ไชน่า เรลเวย์ฯฝากขังศาลอาญา หลังสอบเดือด 10 ชม. โฆษกดีเอสไอ ชี้ กรรมการคนไทยบางรายมีเงินติดบัญชีเพียงหมื่นบาท เบื้องต้นอาจไม่สอดคล้องกับสัดส่วนการถือหุ้นบริษัทขนาดใหญ่

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 22 เม.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ (ปพ.) ควบคุมตัว นายประจวบ  ศิริเขตร  นายมานัส ศรีอนันท์ และ นายโสภณ มีชัย ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ออกจากอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อไปฝากขังผัดแรกกับศาลอาญารัชดาภิเษก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่คุมตัว ใส่กุญแจมือ ทั้ง 3ราย ออกไปขึ้นรถตู้ 2  เพื่อ นั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามในหลายประเด็น ทั้งเรื่องการเข้าไปนนอมินีให้บริษัทจริงหรือไม่ หรือยืนยันว่าเข้าไปบริหารเองจริง ๆ หรือมีใครบังคับให้เข้าไปนั่งตำแหน่งนั้นหรือไม่ มีอะไรอยากพูดหรือไม่ หรือมีใครบังคับให้ต้องพูดอะไรหรือไม่ รวมถึงในวันที่ตึก สตง. ถล่ม ทุกคนไปอยู่ที่ไหนกันมา หนีไปอยู่ที่ไหน มีใครให้ที่พักพิงหรือไม่ หรือเหตุใดก่อนหน้านี้ไม่ยอมมาเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ แต่ทั้ง 3 ผู้ต้องหาก้มหน้ารับฟังคำถามอย่างเดียว ไม่เอ่ยปากตอบคำถามใดกับผู้สื่อข่าว ทั้งนี้  3 ผู้ต้องหามีสภาพอิดโรย และยังสวมใส่เสื้อผ้าตัวเดิมกับเมื่อวานนี้

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ผลการสอบสวนปากคำ 3 ผู้ต้องหาชาวไทย นายประจวบ ศิริเขตร นายมานัส ศรีอนันท์ และนายโสภณ มีชัย กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ว่า วานนี้ (21 เม.ย.) พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีการสอบปากคำ 3 ผู้ต้องหานานกว่า 10 ชม. โดยเสร็จสิ้นการสอบสวนปากคำเวลาประมาณ 22.00 น.

ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 รายล้วนให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นแทนของบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ อีกทั้งไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการให้ปากคำแต่อย่างใด และหากเปรียบเทียบกับคำให้การของนายชวนหลิง จาง ที่ได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีคำให้การประมาณ 10 หน้าเอกสาร ซึ่งแตกต่างจาก 3 กรรมการชาวไทยที่ให้การเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยอีกว่า บางช่วงบางตอนเมื่อพนักงานสอบสวนพยายามสอบถามประเด็นกับ 3 กรรมการชาวไทย ผู้ต้องหาออกอาการงงคำถาม จึงทำให้ทนายความส่วนตัวต้องช่วยอธิบายคำถามให้ภายหลังจากคืนวานนี้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนปากคำ 3 ผู้ต้องหาชาวไทยเสร็จสิ้น จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าว ภายใต้การอำนวยการของนายวิทวัส สุคันธรส ผอ.ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้ นายวุฒิไกร ศรีธวัช ณ อยุธยา ผอ.ส่วนสะกดรอยและการข่าว

เข้าควบคุมตัว 3 ผู้ต้องหาจากห้องสำนักงานรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ชั้น 8 ย้ายไปควบคุมตัวไว้ที่ห้องขัง ชั้น 6 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อเตรียมนำตัวไปยื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลอาญารัชดาภิเษกผัดแรก โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 รายไม่ได้มีการยื่นขอประกันตัวในชั้นสอบสวน รวมถึงท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไม่ได้มีการคัดค้านการขอประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาได้เดินทางเข้ามามอบตัวด้วยตนเอง

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ 3 ผู้ต้องหาเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งในภาพรวม ได้มีผู้ต้องหา 1 ราย คือ นายโภณ มีชัย ที่ยอมให้การ ขณะที่อีก 2 ราย คือ นายประจวบ ศิริเขตร และนายมานัส ศรีอนันท์ แจ้งความประสงค์ขอชี้แจงเป็นเอกสารภายใน 30 วัน โดยการชี้แจงผ่านหนังสือจะไม่ได้มีผลต่อรูปคดี เพราะผู้ต้องหาย่อมให้การอย่างไรก็ได้ แต่ทุกคำให้การจะถูกนำมาพิสูจน์ทั้งหมด โดยประเด็นที่ต้องชี้แจงเพิ่มเติม คือ การถือหุ้น กระบวนการเปลี่ยนแปลงตัวกรรมการและผู้ถือหุ้น รวมถึงที่มาของเงินที่ใช้ในการลงทุน และอำนาจทางการบริหาร อย่างไรก็ตาม ระหว่างข้อมูลที่ผู้ต้องหาให้การกับข้อมูลที่ดีเอสไอรวบรวมมานั้น พบว่าบางส่วนไม่ตรงกัน ทั่งนี้ เหตุใดก่อนหน้านี้ทั้ง 3 รายไม่ยอมเข้ามาพบดีเอสไอก่อนมีหมายจับของศาล เราได้สอบถามประเด็นนี้ แต่พวกเขาไม่ตอบ แต่เขาแจ้งว่าพอเห็นหมายจับจึงเข้ามาพบพนักงานสอบสวน และไม่ได้ให้ข้อมูลว่าไปอาศัยอยู่ด้วยกันหรือไม่


พ.ต.ต.วรณัน เปิดเผยอีกว่า สำหรับความสัมพันธ์รู้จักกันของ 3 กรรมการชาวไทยและชาวจีน 2 ราย อย่างนายบินลิง วู และนายชวนหลิง จาง นั้น มีการให้ข้อเท็จจริงว่ารู้จักกัน โดยเฉพาะในส่วนของนายประจวบ และนายมานัส ที่ทำงานกับบริษัทอื่นที่มีคนจีนไปเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ทั้งนายประจวบ และนายมานัส ไม่ได้เริ่มต้นจากการเข้ามาเกี่ยวข้องในบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด แต่ไปเริ่มต้นกับบริษัทอื่นมาก่อน ถ้าจำไม่ผิดคือ บริษัท สันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด

ส่วนใครเป็นคนชวนให้เข้ามาเป็นกรรมการและถือหุ้นนั้น ในคำให้การกล่าวอ้างของนายโสภณ มีชัย เจ้าตัวระบุว่า นายประจวบ และนายมานัส คือผู้ชักชวน แต่คำให้การของผู้ต้องหา ต้องนำมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงอีกครั้ง ในการสอบปากคำนายโสภณ มีชัย ระหว่างการสอบสวนปากคำ เจ้าตัวมีการตอบเอง แต่บางครั้งทนายความก็จะช่วยอธิบายคำถามบ้าง เพราะบางทีบางประเด็นเขาอาจเข้าใจไม่ละเอียด นอกจากนี้ ในประเด็นของการถือหุ้นของทั้ง 3 ราย พบว่าหุ้นมันมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปี 61-68 มีการสลับเพิ่ม-ลง

พ.ต.ต.วรณัน เปิดเผยอีกว่า ตอนนี้เราแบ่งเงินที่เกี่ยวข้องกับ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ออกเป็น 2 ส่วน คือ เงินลงหุ้น และเงินที่กู้ยืมมาเพื่อทำธุรกิจ ตรงส่วนนี้ เราจะไล่ย้อนหลังตรวจสอบเส้นทางการเงิน ดังนั้น เส้นทางการเงินจะสอดคล้องกับสัดส่วนการถือหุ้นหรือไม่ ต้องให้เวลาพนักงานสอบสวนตรวจสอบก่อน เพราะเพิ่งได้รับข้อมูลรายงาน รายได้และเงินคงค้างในบัญชีของ 3 กรรมการชาวไทย ดีเอสไอพอมีข้อมูลว่า เป็นเงินจำนวนไม่เยอะ บางคนเหลือเงินติดบัญชีแค่หลักหมื่นบาท

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.