ปี 2568 สถานการณ์เศรษฐกิจไทยเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
จากปัจจัยเสี่ยงบีบคั้นอยู่รอบด้าน ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก สินค้าจีนที่ทะลักเข้ามาตีตลาดไทย มาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา ราคาสินค้าและบริการขยับตัวตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว กำลังซื้อถดถอย
แต่ในความเสี่ยงย่อมมีโอกาสพลิกสถานการณ์ โดยวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ชี้ 3 เซฟ ที่ธุรกิจต้องมี
1.Save Money ฉลาดช้อป ฉลาดใช้ ไม่ต้องถูกที่สุด แต่ต้องคุ้มที่สุด
ธุรกิจที่ได้อานิสงส์จากเทรนด์นี้เต็มๆ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีกที่เน้นขายสินค้าราคาประหยัดหรือเน้นขายทีละมากๆ แพลตฟอร์ม e-Commerce ที่มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม หรือมีระบบ Subscription ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว ตลาดสินค้ามือสองและธุรกิจให้เช่าสินค้า
2.Save Earth ลด ละ เลิก เลือกใช้ เพื่อโลกที่สดใสกว่าเดิม
ธุรกิจที่มีนโยบายและแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนชัดเจนจะได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคและเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจแบบ Fast Fashion อุตสาหกรรมที่ปล่อยคาร์บอนสูง เพิ่มขยะ หรือธุรกิจที่ยังคงเพิกเฉยต่อประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ไม่มีนโยบายลดคาร์บอนฟุตพรินต์ อาจเผชิญแรงกดดันจากภาพลักษณ์ไม่รักษ์โลก และจะค่อยๆ ถูกแย่งส่วนแบ่งในตลาด
3.Safe Health & Mental Health สุขภาพกาย สุขภาพใจ ต้องมาก่อน
ธุรกิจที่สามารถนำเสนอทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจและทำให้การมีสุขภาพดีเป็นเรื่องง่าย จะมีโอกาสเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
โดยพฤติกรรม 3 เซฟ สะท้อนให้เห็นว่า แม้เศรษฐกิจจะผันผวนหรือผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลง แต่ผู้บริโภคยังพร้อมจับจ่ายเพียงแต่จะเลือกสรรสิ่งที่คุ้มค่าและมีคุณค่ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Save Money ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวทางการเงิน Save Earth ที่ช่วยเปลี่ยนโลกให้ดีกว่าเดิม และ Safe Health & Mental Health ที่ช่วยให้ผู้บริโภคมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งถ้าธุรกิจตอบโจทย์เหล่านี้ได้จะสามารถเติบโตได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร