‘จุลพันธ์’ เผยแจกหมื่นกลุ่มอายุ 16-20 ปี ยังเดินหน้าเหมือนเดิม คาดสรุปและเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์นี้ รับเงินไม่เกินไตรมาส 2/2568
22 เม.ย. 2568 – นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต สำหรับกลุ่มอายุ 16-20 ปี ว่า ยืนยันว่าโครงการยังคงเดินหน้าเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรอเวียนความคิดเห็น ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปและเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์นี้
โดยขณะนี้กระบวนการทั้งหมดยังคงเดินหน้าเป็นปกติ ซึ่งตามกำหนดการแล้วกลุ่มที่ได้รับสิทธิ์ คือประชาชนอายุ 16-20 ปี จะยังคงได้รับเงินไม่เกินไตรมาส 2/2568 ซึ่งเป็นไทม์ไลน์เดิมที่ได้วางไว้อยู่แล้ว ส่วนตัวเลขผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินนั้นขณะนี้ยังไม่ได้มีการสรุปอย่างเป็นทางการ เพราะต้องรอให้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม. ก่อน แต่เบื้องต้นยืนยันว่าคงไม่เกิน 3 ล้านราย
“ไทม์ไลน์ยังเป็นเหมือนเดิิม กลุ่มที่ได้รับสิทธิ์ อายุ 16-20 ปี จะได้รับเงินภายในไตรมาส 2 เหมือนเดิม ไม่มีอะไรชะลอ ทุกอย่างยังคงเดินหน้า ตอนนี้ที่อยู่ในกระบวนการคือการเชื่อมระบบกับสถาบันการเงิน เพราะแต่ละแห่งใช้เวลาในการพัฒนาและเชื่อมระบบไม่เท่ากัน แล้วรัฐบาลก็อยากดำเนินการให้ทุกอย่างพร้อม ไม่อยากให้เห็นว่าใช้ได้แค่ 1-2 แบงก์ มันจะดูเหมือนเป็นการเอื้อ ดังนั้นจึงอยากรอให้ทุกแบงก์เชื่อมระบบเรียบร้อยและสามารถดำเนินการได้พร้อมกันทั้งหมด ซึ่งคาดว่าไม่เกินไตรมาส 2/2568 จะสามารถเชื่อมระบบกับแบงก์ขนาดใหญ่ได้เรียบร้อยทั้งหมด ส่วนที่เชื่อมระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว คือ เพย์เม้น แพลตฟอร์มบางราย เพราะเขามีระบบรองรับอยู่แล้ว” นายจุลพันธ์ กล่าว
รมช.การคลัง กล่าวอีกว่า ในส่วนของการดำเนินการเฟสที่ 4 นั้น จะดำเนินการได้ภายในเดือน ก.ย. 2568 อย่างแน่นอน เพราะงบประมาณวางไว้แบบนั้น ดังนั้นเมื่อระบบเดินหน้าได้แล้ว ทุกอย่างปลอดภัยหมด กระบวนการก็เดินหน้าได้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ดี ในส่วนที่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลอาจจะมีการขยายเพดานหนี้สาธารณะเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบจากมาตรการภาษีทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตต้องมีการเปลี่ยนแปลง นั้น รมช.การคลัง ระบุว่า เรื่องการขยายเพดานหนี้สาธารณะยังไม่มีข้อสรุป ในส่วนของกระทรวงการคลังเองก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ แต่ก็ทราบกันอยู่แล้วว่ามาตรการภาษีทรัมป์นั้นส่งผลกระทบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งโลก