คริสตชนไทยร่วมไว้อาลัย โป๊ปฟรานซิส ยกย่อง ผู้เป็นดั่งแสงแห่งความหวังในโลกที่สับสน
GH News April 22, 2025 09:20 PM

คริสตชนไทยร่วมไว้อาลัย ‘โป๊ปฟรานซิส’ ยกย่อง ‘ผู้เป็นดั่งแสงแห่งความหวังในโลกที่สับสน’ จัดพิธีบูชาขอบพระคุณใช้ ‘จอกกาลิกส์’ ของที่ระลึกแทนพระองค์

เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่สำนักมิสซังโรมันคาทอลิก อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ สภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย จัดงานแถลงข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยมี พระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์ ประธานสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย บาทหลวงสุวัฒน์ เหลืองสะอาด รองเลขาธิการสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย และ ซิสเตอร์ อันนา โรซ่า พระญาติของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เข้าร่วม

พระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ วีระ กล่าวว่า ในพระดำรัสสุดท้ายที่พระองค์ทรงเตรียมไว้สำหรับพิธีอีสเตอร์ ซึ่งถูกอ่านแทนโดยพระสงฆ์ผู้ช่วย พระองค์ทรงเน้นย้ำถึงความหวังในชีวิตนิรันดร์และการฟื้นคืนชีพของพระคริสต์ พระองค์ตรัสว่า พระคริสต์ทรงฟื้นคืนชีพ พระดำรัสนี้สะท้อนความหมายทั้งหมดของการดำรงอยู่ของเรา เพราะเรามิได้ถูกสร้างมาเพื่อความตาย แต่เพื่อชีวิต นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้งทั่วโลก โดยเฉพาะใน  กาซา ยูเครน และพื้นที่อื่นๆ ที่มีความรุนแรง พระองค์ทรงเน้นย้ำถึงคุณค่าของชีวิตมนุษย์ทุกคน และเรียกร้องให้ผู้นำโลกใช้พลังอำนาจเพื่อสร้างสันติภาพและความเป็นพี่น้องกันในระดับสากล

“แม้จะทรงพระประชวรอย่างหนัก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสยังคงปฏิบัติภารกิจด้วยความมุ่งมั่นและความรักต่อมวลมนุษย์จนถึงวาระสุดท้ายของพระชนมชีพ ด้วยหัวใจที่โศกเศร้าแต่เต็มเปี่ยมด้วยความรักและเคารพ สภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย ในนามของคริสตศาสนิกชนชาวไทยทุกคน ขอน้อมถวายคำไว้อาลัยแด่การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ผู้ทรงเป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ผู้เป็นดั่งแสงแห่งความหวังในโลกที่สับสน และผู้ทรงประกาศความรักของพระคริสต์   ด้วยชีวิตอันถ่อมตนและเปี่ยมด้วยความเมตตา” พระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ วีระกล่าว

พระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ วีระ กล่าวต่อว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงมีพระนามเดิมว่า ฮอร์เค มาริโอ แบร์โกกลิโอ (Jorge Mario Bergoglio) ประสูติเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1936 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ทรงเป็นพระสงฆ์คณะเยซูอิต และได้รับแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัลในปี ค.ศ. 2001 ก่อนจะได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาองค์ที่ 266 แห่งพระศาสนจักร เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2013 พระองค์ทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกจากทวีปอเมริกาใต้ องค์แรกจากคณะเยซูอิต และองค์แรกที่ทรงเลือกพระนามว่า “ฟรานซิส” เพื่อสะท้อนถึงชีวิตเรียบง่าย การรับใช้ผู้ยากไร้ และการเป็นสะพานแห่งสันติภาพ ตามแบบนักบุญฟรันซิส  แห่งอัสซีซี ในระหว่างสมณสมัยของพระองค์

พระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ วีระ กล่าวต่อว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสได้ทรงริเริ่มภารกิจสำคัญหลายประการที่ฝากรอยไว้ในประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักรและของมนุษยชาติ อาทิ การย้ำถึง “วัฒนธรรมแห่งความเมตตา” โดยทรงเปิด ปีศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเมตตา (Jubilee of Mercy) และเชิญชวนให้คริสตชนดำเนินชีวิตตามหัวใจของพระวรสาร การส่งเสริม “การดูแลบ้านส่วนรวม” ผ่านสมณสาสน์ Laudato Si’ ซึ่งเน้นถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและความยุติธรรมทางนิเวศวิทยา การปฏิรูปภายในพระศาสนจักร ทั้งในด้านธรรมาภิบาล ความโปร่งใสทางการเงิน และการส่งเสริมบทบาทของฆราวาส โดยเฉพาะสตรี การเดินหน้า “การเสวนาระหว่างศาสนา” และความร่วมมือเพื่อสันติภาพ ทรงพบปะกับผู้นำศาสนาอิสลาม พุทธ ยิว และศาสนาอื่น ๆ ด้วยจิตแห่งมิตรภาพ การเน้น “การออกไปหาผู้ถูกลืม” โดยพระองค์ทรงย้ำว่า พระศาสนจักรต้องไม่ยึดติดอยู่กับตนเอง แต่ต้องออกไปหาผู้ยากไร้ ผู้ถูกกีดกัน และผู้ไม่มีเสียงในสังคม

“ในช่วงเวลาที่เปี่ยมด้วยความประทับใจ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสได้เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20–23 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 พระองค์ทรงนำพลังแห่งความรักและความเชื่อมาสู่แผ่นดินของเรา ทรงพบปะและประทานพรแก่บรรดาผู้นำ เยาวชน นักบวช และประชาชนทั่วไปด้วยพระเมตตาอันลึกซึ้ง พระดำรัสที่พระองค์ประทานไว้ในการพบปะต่าง ๆ โดยเฉพาะกับเยาวชนที่ว่า “อย่ากลัวที่จะฝัน” ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนเดินหน้าด้วยความกล้าหาญ ความเชื่อ และความรัก” พระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ กล่าว

พระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ วีระ กล่าวด้วยว่า ในช่วงเวลาบั้นปลายแห่งชีวิตของพระองค์ ถึงแม้จะต้องอดทนต่อความเจ็บป่วยและต้องเข้ารับการรักษพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง แต่ยังทรงเป็นห่วงพระศาสนจักรเสมอ ไม่ทอดทิ้งพระศาสนจักร และยังคงอยู่ร่วมเดินทางกับพระศาสนจักรด้วยคำภาวนาและด้วยชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์ โอกาสนี้คริสตชนไทย ขอร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตชนทั่วโลก ไว้อาลัยในการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ผู้ทรงมีความสุภาพถ่อมตนในการรับใช้พระศาสนจักรด้วยความเชื่อ และความรักของท่านที่มีต่อพระเจ้า เป็นแบบอย่างสำหรับเราคริสตชน

“เราทุกคนขอน้อมส่งดวงวิญญาณของท่านไปสู่สรวงสวรรค์บ้านแท้นิรันดร บ้านของพระบิดาที่พระองค์ท่านทรงรักอย่างที่สุด และอุทิศทั้งชีวิตของท่านเพื่อพระองค์ แม้พระองค์จะจากเราไปแล้ว แต่คำสอน ชีวิต และพันธกิจแห่งการรับใช้ของพระองค์จะยังคงสะท้อนอยู่ในหัวใจของคริสตชน และในหนทางของพระศาสนจักรทั่วโลกตลอดไปขอพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา ทรงโปรดรับดวงวิญญาณของพระองค์ไว้ในอ้อมพระหัตถ์ และประทานการพักผ่อนนิรันดรแด่พระองค์ ขอทรงพักผ่อนเป็นสุขในสันติของพระเจ้าเทอญ”พระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ วีระ กล่าว

ด้านซิสเตอร์ อันนา กล่าวว่า ตนรู้จักกับพระสันตปาปามาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กเพราะเป็นพระญาติ และครอบครัวก็มีความสนิทต่อกัน ซึ่งหลังจากตนได้ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตปาปานั้นรู้สึกเสียใจ เพราะก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนน์ได้มีการนั่งรถยนต์ส่วนพระองค์ออกมาทักทายคริสตศาสนิกชนบริเวณโบสถ์วาติกันทำให้คิดว่าอาการประชวรของพระองค์ทรงดีขึ้นแล้ว และคิดว่าพระผู้เป็นเจ้าต้องการให้ความปราถนาของสมเด็จพระสันตปาปาในเรื่องของสันติภาพเกิดขึ้น ความยากจนลดลง แต่ในเมื่อบนโลกนี้ยังไม่สามารถทำได้พระผู้เป็นเจ้าจึงนำพระองค์สู่สวรรค์และดูแลโลกทั้งโลกและทุกคนจากบนนั้น และหวังว่าทุกคนจะตอบสนองความรักของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อจะทำให้โลกของเราเป็นโลกที่น่าอยู่และดีขึ้น

บาทหลวงสุวัฒน์ กล่าวว่า ตามประกาศจากสำนักข่าววาติกัน พระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังมหาวิหารนักบุญเปโตรในวันพุธที่ 23 เมษายน เวลา 9.00 น. (14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ตามเวลาท้องถิ่นนครรัฐวาติกัน เพื่อให้ประชาชนได้เข้ากราบสักการะจนถึงงานพระราชพิธีปลงพระศพในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นนครรัฐวาติกัน (15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) และจะมีการถ่ายทอดสดเพื่อให้ได้ติดตามพิธีฝังพระศพด้วยเช่นกัน ในวันที่ 22-25 เมษายน จะมีกำหนดพิธีบูชาขอบพระคุณ ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ รายละเอียดดังต่อไปนี้

วันที่ 23 เมษายน เวลา 19.00 น. โดยพระสังฆราชซิลวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี ประมุขแห่งสังฆณฑราชบุรี ประธานในพิธี

วันที่ 24 เมษายน เวลา 19.00 น. โดยพระสังฆราชยอแซฟ ชูศักดิ์ สิริสุทธิ์ เลขาธิการสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทยและประมุขแห่งสังฆณฑลนครราชสีมา ประธานในพิธี

วันที่ 25 เมษายน เวลา 17.00 น. สำหรับทูตานุทูต หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรศาสนาต่างๆ โดยมีพระอัครสังฆราช ปีเตอร์ ไบรอัน เวลส์ เอกอัครสมณทูตนครรัฐวาติกันประจำประเทศไทย เป็นประธานในพิธี

“ทั้งนี้จะมีการเปิดโอกาสให้คริสตชนและบุคคลทั่วไปได้ลงนามถวายความอาลัยที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ ระหว่างวันที่ 22-24 เมษายน เวลา 18.00-19.00 น. และที่สถานทูตวาติกันประจำประเทศไทย ระหว่างวันที่ 23-26 เมษายน เวลา 10.00-12.00 น. และ 14.00-16.00 น. รวมทั้งผ่านช่องทางออนไลน์สำหรับรายละเอียดจะมีการประกาศในวันที่ 23 เมษายน”บาทหลวงสุวัฒน์ กล่าว

บาทหลวงสุวัฒน์ กล่าวต่อว่า หลังจากพิธีปลงพระศพ 2 สัปดาห์จะมีการเลือกสมเด็จพระสันตปาปาองค์ใหม่ และในช่วงเวลาการเลือกจะใช่เวลาไม่เกิน3วัน จึงมีการคาดกันว่าช่วงกลางเดือนพฤษภาจะได้ชื่อของสมเด็จพระสันตปาปาองค์ใหม่

ดร.ชัยณรงค์ มนเทียรวิเชียรฉาย อดีตที่ปรึกษาสมณกระทรวงสื่อสารสังคม นครรัฐวาติกัน กล่าวว่า ในการเลือกสมเด็จพระสันตปาปาองค์ใหม่นั้นพระคาร์ดินัลจากทั่วโลกที่อายุไม่เกิน 80 ปีจะเป็นผู้ที่มีสิทธิเลือกสมเด็จพระสันตปาปาองค์ใหม่โดยทั้งหมดจะเดินทางไปที่วัดน้อยซิสทีน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะเป็นความลับ โดยจะมีการแจกกระดาษให้ร่วมกันลงชื่อผู้ที่พระคาร์ดินัลเห็นว่าเหมาะสมในการดำรงตำแหน่ง โดยผู้ที่ได้รับเลือกเป็นสมเด็จพระสันตปาปาองค์ใหม่จะต้องได้คะแนน 2ส่วน3 จากจำนวนพระคาร์ดินัลที่มีสิทธิเลือกทั้งหมด ซึ่งในตอนนี้มีทั้งหมด 136 องค์ ถ้าผลที่ออกมายังไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดจะมีการนำกระดาษทั้งหมดใส่สารเคมีและเผาเพื่อให้เกิดควันสีดำออกมาจากวัดน้อยซิสทีน โดยใน1วันจะทำกระบวนการเลือกไม่เกิน 4 ครั้ง และหากได้สมเด็ขพระสันตปาปาองค์ใหม่แล้วควันที่ปรากฏออกมาจะเป็นสีขาว โดยสำหรับประเทศไทยมีพระคาร์ดินัลที่มีสิทธิเข้าร่วมเลือกสมเด็จพระสันตปาปาองค์ใหม่ 1 องค์ คือ พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช

ทั้งนี้หลังการแถลงข่าว มีพิธีบูชาขอบพระคุณในเวลา 19.00 น. โดยมีพระอัครสังฆราชวีระ อาภรณ์รัตน์ เป็นประธาน ความพิเศษของพิธีในวันนี้คือการใช้จอกกาลิกส์ที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงมอบให้กับพระศาสนจักรไทยเมื่อครั้งเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปี 2019 เพื่อเป็นการระลึกถึงพระองค์เป็นพิเศษ

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.