จีน เที่ยวเวียดนาม ไตรมาส 1 ปี 68 แซงไทย เหตุไร้กังวลความไม่ปลอดภัย ราคาแพ็กเกจทัวร์ถูกกว่า 30% แอตต้าเสนอรัฐบาลกระตุ้นเป้าหมายผ่านกรุ๊ปทัวร์อย่าโลกสวย
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว ( แอตต้า ) เปิดเผยว่า ล่าสุดประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนจำนวน 1.3 ล้านคน ขณะเวียดนามต้อนรับนักท่องเที่ยว จีนจำนวน 1.5 ล้านคน โดยเวียดนามไม่เพียงขยายรุกคืบกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน ยังขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ ที่คล้ายกับกลุ่มตลาดเป้าหมายของไทย อาทิ เกาหลีใต้ รัสเซีย อินเดีย และไต้หวัน เป็นต้น
ทั้งนี้เวียดนาม เป็นประเทศเป้าหมายท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่มีระบบขนส่งที่เตรียมพร้อม โดยเฉพาะการเชื่อมต่อระหว่างประเทศในเมืองท่องเที่ยวทุกเมือง และแพ็กเกจทัวร์ราคาถูกกว่าไทยประมาณ 30% ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับตลาดจีน คือเวียดนามไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยเช่นเดียวกับไทย ส่วนประชุมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เมื่อวานนี้เพื่อเตรียมแผนกระตุ้นตลาดจีนในช่วงครึ่งปีหลัง ในฐานะเอกชนที่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวจีน ขอแนะนำให้ทำงานใกล้ชิดกับตัวแทนทัวร์จีน เพื่อโปรโมตแพ็คเกจทัวร์ราคาพิเศษผ่านเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากเมืองรอง
“หลายฝ่ายแสดงความกังวลเกี่ยวกับการกลับมาของทัวร์ศูนย์เหรียญ หากไทยเปลี่ยนมาทัวร์แบบกรุ๊ป ส่วนตัวคิดว่า เรื่องนี้ยังคงมีความจำเป็นอย่าโลกสวย เนื่องจากขณะนี้ความเชื่อมั่นต่อไทยลดลงอย่างมาก จึงไม่ใช่เวลาที่จะกังวลเกี่ยวกับทัวร์ศูนย์เหรียญ เนื่องจากการรักษาจำนวนพนักงานเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับอุตสาหกรรมนี้ในการเอาตัวรอดลดลงอย่างหนัก และรวดเร็วสำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีน หากไม่มีราคาที่มีการแข่งขัน ไทยจะไม่สามารถใช้จุดแข็งอื่นฟื้นฟูตลาดจีนได้”
นายอดิษฐ์ กล่าวว่า หากกรุ๊ปทัวร์สามารถเดินทางมาไทยได้ โดยไม่ประสบปัญหาความปลอดภัยใดๆ ก็สามารถส่งเสริมให้กรุ๊ปอื่นๆ ทำตามได้ เพื่อป้องกันธุรกิจสีเทา หรือ จีนเทา รัฐบาลควรขยายมาตรการป้องกัน เช่น ลดระยะเวลาพำนักฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนเป็น 15-30 วัน เนื่องจากหลายคนใช้ช่องโหว่วีซ่าโดยยกเว้นวีซ่าหรือวีซ่านักเรียนเพื่อทำงานในประเทศไทย และสมาคมฯ ยังเสนอจัดการโรดโชว์ 4 เมือง ได้แก่ หางโจว หนานจิง ฉงชิ่ง และฉางซา
ส่วนภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนซึ่งนำโดยฉงชิ่งมีศักยภาพสูงในการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 5.6% ในไตรมาสแรก ของปี 2568 และดึงดูดการลงทุนขนาดใหญ่จำนวนมาก และให้เชิญสื่อที่รัฐสนับสนุนและสื่อระดับชาติมาเยี่ยมชมประเทศไทยการสร้างความเชื่อมั่นผ่านผู้นำความคิดเห็นที่สำคัญ ซึ่งเคยทำมาแล้วนั้นพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ผล เพราะกลุ่มนี้ไม่ต้องการขัดแย้งกับความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งยังคงมีทัศนคติเชิงลบต่อประเทศไทย