โปรสตรี จัดประชุมใหญ่ ‘อานันต์’ เผยรายละเอียดแมตช์เวียดนาม

สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี จัดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2567 เมื่อวันอังคารที่ 22 เมษายน ที่ห้องประชุมภายใน สนามกอล์ฟ แหลมฉบัง อินเตอร์เนชันแนล คันทรีคลับ จังหวัดชลบุรี โดยมีนายอานันต์ เผือกพิบูลย์ นายกสมาคมฯ, นายกุลธร มีสมมนต์ อุปนายกฯ, นางษาริณี เล็กสุวรรณ เลชาธิการฯ และนางสาวชลนภา วรานุภาพกุล เหรัญญิกฯ ดำเนินการประชุม

สาระสำคัญเรื่องการสะสมเงินรางวัลจากการแข่งขัน 4 รายการแรกของไทยแอลพีจีเอ 2025 เพื่อพาสมาชิก 40 คนไปร่วมแข่งกอล์ฟที่ประเทศเวียดนาม ในรายการ ฉางอัน โอเพ่น 2025(Trang An Open) ซึงเป็นความร่วมมือของ ออลไทยแลนด์ กอล์ฟทัวร์ สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี และสนามฉางอัน กอล์ฟ รีสอร์ท (Trang An Golf Resort)ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองฉางอัน จังหวัดนิญบิ่ญ(Ninh Binh) เป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีที่ Trang An Scenic Landscape Complex ได้รับการรับรองเป็นมรดกโลก(มรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม) จากยูเนสโก และครบรอบ 10 ปีของสนามกอล์ฟ Trang An Golf Resort อีกด้วย โดยจะจัดการแข่งขันระหว่างระหว่างวันที่ 15-18 พฤษภาคม 2568 แบ่งออกเป็นการแข่งขันของนักกอล์ฟอาชีพชาย และนักกอล์ฟอาชีพหญิง ในส่วนของนักกอล์ฟอาชีพหญิง จะแบ่งเป็นการแข่งขัน พาร์ 3 สกินเกมส์ 18 หลุม ชิงเงินรางวัล 500,000 บาทในวันที่ 15 พ.ค. ส่วนวันที่ 16-18 พ.ค.เป็นรอบทัวร์นาเมนท์ แบบสโตรคเพลย์ 54 หลุม ชิงเงินรางวัลอีก 1.5 ล้านบาท ใครจะเป็น 1 ใน 40 คนแรกที่ได้สิทธิ์ไปแข่งขันอีกสามวันจะประกาศผลหลังจบการแข่งขัน สิงห์-เอ็นเอสดีเอฟ พัทยา เลดีส์ โอเพ่น 2025 ชิงเงินรางวัล 2 ล้านบาท ณ สนามแหลมฉบัง อินเตอร์เนชันแนล คันทรีคลับ ระหว่างวันที่ 23-25 เมษายน 2568

นายอานันต์ เผือกพิบูลย์ นายกสมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี เผยว่า “สนามแหลมฉบังซึ่งเป็นการแข่งขันสนามที่ 4 ที่เราจะเก็บคะแนนไปเล่นที่เวียดนาม รายการ”ฉางอัน โอเพ่น” ซึ่งเป็นการร่วมมือกับออลไทยแลนด์ กอล์ฟทัวร์ เป็นครั้งแรกที่นักกอล์ฟของไทยแอลฯจะไปเล่นที่ต่างประเทศ โดยรูปแบบการแข่งขันแบ่งเป็นสองส่วน คือ วันแรกเป็นการแข่งขันที่สนามพาร์ 3 (18 หลุม)ซึ่งมีสภาพภูมิประเทศที่สวยงามมาก เราตั้งเงินรางวัลไว้หลุมละ 25,000 บาทในรูปแบบของ”สกินเกมส์” 18 หลุมก็ 450,000 บาท และมีเงินชู๊ตเอ้าท์อีก 50,000 บาท รวมเป็นเงิน 5 แสนบาทในการเล่นพาร์ 3 หลังจากนั้นก็เข้าสู่ทัวร์หลัก 3 วัน 54 หลุม มาจากแรงกิ้งไทยแอลฯ 40 คนบวกอินวิเตชั่น และผู้เล่นฝั่งเวียดนามรวมแล้ว 54 คน ผ่านสองวันแรกตัดตัวเหลือ 20 คนในรอบสุดท้าย ชิงเงินรางวัลอีก 1.5 ล้านบาท โดยน้องๆที่ไปจะได้รับเงินรางวัลการันตีกลับบ้านทุกคนไม่ว่าจะตกรอบหรือผ่านเข้ารอบ สิ่งที่มากกว่าเงินรางวัลที่คาดหวังไว้คืออยากให้น้องๆได้ประสบการณ์ใหม่ๆได้ฝึกเล่นกับภูมิประเทศ เป็นสนามที่ให้เราได้แสดงทักษะในการเล่นกับภูมิประเทศในรูปแบบต่างๆ จะได้เป็นประสบการณ์กลับมาชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อนจุดแข็งของเด็กเรา เพื่อนำมาฝึกซ้อมและเตรียมไปโลดแล่นในระดับโลกต่อไปตรับ”

หัวเรือใหญ่ไทยแอลฯ เผยต่ออีกว่า “จากที่เราทำมาในหนึ่งรอบปี ผลงานก็เป็นที่พึงพอใจของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้หลักผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุนทางภาครัฐ ก็เลยมีการพูดคุยในการพัฒนาที่มากขึ้น และเกิดความยั่งยืน เราจะมีโครงการพัฒนาเด็กแบบเต็มรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ในรายละเอียดขอให้มีข้อสรุปที่ชัดเจนก่อน ผมเชื่อว่าโครงการนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน และน่าจะเป็นผลดีกับน้องๆนักกีฬาในประเทศไทยอย่างมากเป็นการเติมเต็มในทักษะต่างๆอย่างเต็มรูปแบบครับ”