เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ (Messe Düsseldorf) ผู้จัดงานแสดงสินค้าระดับโลก เดินหน้าขยายความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการจัดงานแสดงสินค้าด้านอุตสาหกรรมครั้งสำคัญในประเทศไทย ระหว่างเดือนพฤษภาคม-กันยายน 2568 ครอบคลุมตั้งแต่อุตสาหกรรมพลาสติกและยาง เทคโนโลยีการแพทย์ ไปจนถึงการบรรจุภัณฑ์ อุตสาหกรรมกระดาษลูกฟูก ลวด เคเบิล และโลหะการ จากการเล็งเห็นศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางด้านการลงทุน การผลิต และธุรกิจไมซ์แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการจัดงานแสดงสินค้าในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยสู่ระดับสากล
วันที่ 24 เมษายน 2568 นายเกอร์นอท ริงลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย กล่าวว่า “เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจงานแสดงสินค้าชั้นนำ โดยในปีที่ผ่านมามีรายได้จากการดำเนินธุรกิจทั่วโลกราว 392 ล้านยูโร (หรือ 15,000 ล้านบาท) ทำกำไรราว 60 ล้านยูโร (กว่า 2,400 ล้านบาท) และเพื่อต่อยอดความสำเร็จทางธุรกิจระดับโลก ในปี 2568 บริษัทฯ จึงมุ่งดำเนินธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง ด้วยการจัดงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรม 12 รายการทั่วภูมิภาค ผ่านการดำเนินงานของ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ซึ่งเป็นสำนักงานสาขาย่อยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมี 8 งานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ ที่ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมการแพทย์ การผลิต การพิมพ์ ไปจนถึงการบรรจุภัณฑ์และกระดาษลูกฟูก ซึ่งจะจัดขึ้นในประเทศไทย จากการเล็งเห็นความเป็นศูนย์กลางการลงทุนด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอาเซียน รวมถึงศักยภาพการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายการจัดงานแสดงสินค้า จากการเติบโตของอุตสาหกรรม S-Curve ตลอดจนการส่งเสริมจากนโยบายภาครัฐล่าสุด ที่มุ่งผลักดันไทยให้เป็นฮับการจัดประชุมและงานแสดงสินค้า (MICE) อันดับ 1 ของเอเชีย ทำให้มีพื้นที่สำหรับการจัดงานแสดงสินค้าและสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมรองรับผู้ร่วมงานระดับเมกะเทรดแฟร์”
โดยงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมนานาชาติที่ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย วางแผนจัดขึ้นที่ประเทศไทย ในเดือน กันยายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) ประกอบด้วย
10-12 กันยายน 2568
• MEDICAL FAIR THAILAND – งานแสดงสินค้าเทคโนโลยีทางการแพทย์และสุขภาพชั้นนำของภูมิภาค ไฮไลท์ในปีนี้อยู่ที่โซนการดูแลสุขภาพสำหรับชุมชน พาวิลเลียนการผลิตอุปกรณ์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ และนวัตกรรมเสริมสร้างระบบการดูแลสุขภาพและการรับมือปัญหาสุขภาพอุบัติใหม่
17-20 กันยายน 2568
• PACK PRINT INTERNATIONAL – งานแสดงเทคโนโลยีด้านบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์ โดยความร่วมมือกับสมาคมบรรจุภัณฑ์ไทย และสมาคมการพิมพ์ไทย ภายในงานมีการนำเสนอเครื่องจักร อุปกรณ์ และโซลูชันล้ำสมัย สำหรับการพิมพ์และการบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม
• CorruTec ASIA – งานแสดงนวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์ลูกฟูก โดยความร่วมมือกับสมาคมบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกไทย จัดควบคู่กับงาน PACK PRINT INTERNATIONAL การจัดงานในปีนี้จะสอดรับกับเทรนด์ความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน แข็งแรง และบรรจุภัณฑ์สำเร็จรูปสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซในปัจจุบัน
17-19 กันยายน 2568
• wire Southeast Asia 2025 – งานแสดงสินค้าด้านเทคโนโลยีลวดและสายเคเบิลชั้นนำแห่งภูมิภาค นำเสนอเทคโนโลยีล่าสุด รวมถึงโซลูชันเพื่อขับเคลื่อนการภาคการผลิต การแปรรูปวัสดุ และการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
• Tube Southeast Asia 2025 – งานแสดงเทคโนโลยีท่อและระบบท่อนานาชาติ จัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ท่อ เครื่องจักรผลิตท่อ ระบบตรวจสอบและควบคุมคุณภาพ ไปจนถึงเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานของท่อขั้นสูง
• GIFA Southeast Asia 2025 – นำเสนอความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีการหล่อโลหะ วัสดุประสิทธิภาพสูง และ
โซลูชันการผลิตสมัยใหม่ สำหรับอุตสาหกรรมหล่อโลหะและโลหการ
• METEC Southeast Asia 2025 – จัดคู่กับ GIFA Southeast Asia 2025 โดยนำเสนอความก้าวหน้าของเทคโนโลยีโลหการ รวมถึงอุปกรณ์ และโซลูชันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและประหยัดทรัพยากร
นอกจากงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมในเดือนกันยายน เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ยังจัดงานแสดงสินค้าในประเทศไทยอีก 2 รายการ ภายใต้ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ขององค์กรพันธมิตร ได้แก่ Plastics & Rubber Thailand 2025 งานแสดงสินค้าด้านพลาสติกและยาง จัดขึ้นร่วมกับ Informa Markets ระหว่างวันที่ 14-16 พฤษภาคม 2568 และงาน CIOSH Thailand 2025 งานแสดงสินค้าด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย ที่ผนึกกำลังกับ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เซี่ยงไฮ้ และสมาคมการค้าสิ่งทอแห่งประเทศจีน ในวันที่ 5-7 มิถุนายน 2568 เพื่อรองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมสำคัญในอาเซียน
“การจัดงานแสดงสินค้าดังกล่าว จะดึงดูดผู้แสดงสินค้านานาชาติ ผู้เยี่ยมชมงาน ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกรวมกว่า 40,000 ราย ตลอดจนเป็นพื้นที่สำคัญในการแลกเปลี่ยนความรู้ ถ่ายทอดเทคโนโลยี และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ ขยายขีดความสามารถและยกระดับจุดยืนของภาคอุตสาหกรรมไทยในเวทีโลก” นายเกอร์นอท สรุป