หญิงวัย 59 โร่ร้อง ผกก.สภ.ปาย อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน หลังถูกฉ้อโกงหน้าด้าน ๆ ทำให้ต้องมารับผิดชอบชำระเงินแทนเพื่อนสนิท ที่หักหลังได้ลงคอ ล่าสุดถูกบริษัทไฟแนนซ์ เร่งรัดทวงเงินส่วนต่าง อีก 2 แสนบาท ของรถที่ถูกขายทอดตลาดไปแล้ว เครียดหนักจนต้องหันหน้าไปขอความเป็นธรรมต่อ ผกก.สภ.ปาย
เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 เวลา 12.18 น.ที่ผ่านมา นางโสภา ขอสงวนนามสกุล อายุ 59 ปี อยู่ หมู่ 2 ต.เวียงเหนือ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ได้เข้าพบ พ.ต.อ.ภาสวินทร์ แก้วต่าย ผกก.สภ.ปาย อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกรณีถูก คนสนิทหลอกไปซื้อรถจากเต็นท์รถในเชียงใหม่ โดยอาศัยชื่อตนเป็นคนเช่าซื้อรถ แต่เพื่อนสนิทซึ่งตอนแรกรับปากว่าจะชำระค่างวดให้ทุกงวด แต่ปรากฏว่า หลังจากเช่าซื้อรถไปแล้ว กลับไม่ทำตามสัญญาไม่ยอมชำระค่างวด จนบริษัทให้เช่าซื้อ ต้องติดตามยึดรถคันดังกล่าวไป ในตอนแรก เพื่อนสนิท ซึ่งมีสามีเป็น ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภอปาย ตนได้ร้องขอต่อนายอเนก ปันทะยม นายอำเภอปายคนเก่า ซึ่งทางนายอำเภอได้สั่งการให้ ปลัดอำเภอร่วมกับ อส. ไปติดตามยีดรถคันดังกล่าวจากเพื่อนสนิท แต่ปรากฎว่าในวันดังกล่าวตนได้ถูกเพื่อนสนิททำร้ายร่างกายต่อหน้าปลัดอำเภอและอส. ตนได้ไปโรงพยาบาลปายและไปแจ้งความ แต่ทางตำรวจ(ในขณะนั้น) เอาผิดแค่ทำร้ายร่างกาย ไม่ได้เอาผิดกรณีฉ้อโกงยักยอกทรัพย์ของตนแต่อย่างใด แถมระบุว่าให้ไปคุยกันเอาเอง ทำให้ต่อมา ทางบริษัทให้เช่าชื้อรถ ได้นำรถไปขายทอดตลาด และตนต้องชำระเงินส่วนต่างอีกจำนวน 200,000 บาท ทำให้ตนเครียดอย่างหนักจึงได้มาร้องทุกข์ต่อ ผกก.สภ.ปาย
ต่อมาทาง พ.ต.อ.ภาสวินทร์ แก้วต่าย ผกก.สภ.ปาย ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.ศักดิ์มงคล เอื้อคณิต พนักงานสอบสวนเวร สภ.ปาย เป็นผู้รับเรื่องลงบันทึกประจำวัน เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นางโสภา ขอสงวนนามสกุล ผู้เสียหาย เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ในตอนแรกเพื่อนสนิทซึ่งเป็นภรรยาของผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในอำเภอปาย ได้มาชวนตนไปกู้เงินกับธนาคารกรุงศรีอยุธทยา โดยหลอกว่าเมื่อได้เงินมาจะแบ่งกันคนละครึ่ง เพื่อนำเงินไปทำทุนต่อยอดการค้าขายของทั้งสองคน และได้พากันไปที่ธนาคาร ฯ ดังกล่าวแต่เมื่อไปถึงเชียงใหม่ กลับพาไปที่เต็นท์รถแห่งหนึ่ง และเช่าซื้อรถปาเจโร จำนวน 1 คันในราคา 7.8 แสนบาทและนำไปจำนองกับธนาคาร ดังกล่าว โดยเพื่อนสนิทยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะจ่ายค่าเช่าซื้อรถรายเดือนไม่ให้ขาด แต่ปรากฎว่า ไปทำตามสัญญา ส่งผลให้ตนต้องรับผิดชอบหนี้จำนวนมหาศาล ล่าสุดทางบริษัทให้เช่าซื้อรถได้ทำหนังสือทวงเงินมายังตนอีกจำนวน 2 แสนกว่าบาท ทำให้ตนเครียดมากเพราะไม่รู้ว่าจะหาเงินจากไหนไปให้เขา และเขากำลังจะฟ้องตนหากไม่ยอมชำระหนี้ เรื่องดังกล่าวตอนแรกเมื่อเขาไม่ยอมจ่ายค่างวด ตนได้คุยกับทางบริษัท ฯ ว่าขอเปลี่ยนสัญญาเป็นชื่อของผู้ที่ครอบครองรถแต่ทางบริษัทฯ กลับแจ้งว่าหากจะเปลี่ยนสัญญาต้องให้พ้นเวลาไป 1 ปีจึงจะเปลี่ยนสัญญาได้ ทำให้ตนเสียเปรียบ เมื่อไปทวงรถคืนกลับถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ