⦁….หลังดึง “EC-สถานบันเทิงครบวงจร” ออกมาจากกองไฟ แรงกดดันจากมวลชนดูจะล้าจากการก่อกระแสลงไปบ้าง แต่หากเหลียวหน้ามองหลังให้ดี จะสัมผัสถึงพลังอำมหิตที่เบนเข็มมาเรียกร้อง “ความเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล” ตั้งแต่พุ่งเป้าไปที่ “แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี” มากขึ้น พร้อมๆ กับความเคลื่อนไหวที่หวังผลมากกว่าคือ “ปรับคณะรัฐมนตรี” ที่น่าจับตายิ่งคือ เน้นไปที่ความขัดแย้งระดับ “อยู่ร่วมกันไม่ได้” ระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” แม้ไม่ว่า “อนุทิน ชาญวีรกูล-ทักษิณ ชินวัตร-แพทองธาร” ซึ่งเป็นผู้กำหนดจะย้ำเสียงเดียวกันว่า “ไม่เป็นเช่นนั้น” กลับประหลาดตรงที่ทั้ง ใน “พรรคเพื่อไทย” และ “นักวิเคราะห์นอกพรรค” แสดงออกชัดเจนว่า “ไม่เชื่อ”
⦁….เป็นไปได้ที่ใน “กลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย” ความอึดอัดใจอาจจะมาจาก “การเมืองในพื้นที่” ซึ่งส่วนใหญ่ต้องสู้กับ “ภูมิใจไทย” โดยเฉพาะในอีสาน เมื่อมีการเร่งเกมให้ลงดูแลฐานเสียง วางเครือข่ายหาคะแนนให้มากขึ้น และรับรู้ว่า “คู่แข่งตัวจริง” คือ “คนของภูมิใจไทย” ที่มีมือไม้ของ “กระทรวงมหาดไทย” ทำงานแข็งขัน ความหวาดระแวงทำให้คิดไปในทางต้อง “เปลี่ยนผู้คุมอำนาจมหาดไทย” มาเป็น “คนของเพื่อไทย” ยิ่ง “เนวิน ชิดชอบ” จัดประชุมใหญ่ ขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ต่อ
“ผู้ว่าราชการจังหวัด” และ “นายก อบจ.” ทั่วประเทศที่ถูกจับใส่เสื้อ “ทีมบุรีรมย์” การตั้งหลักหาทางเปลี่ยนอำนาจ เป็น “รูปธรรม” ที่ไม่เกรงอกเกรงใจมากขึ้น
⦁….อย่างไรก็ตามทุกคนโดยเฉพาะ “แกนนำทั้ง 2 พรรค” ต่างรู้ดีว่า การ “แตกตัว” ระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” ในห้วงเวลาเช่นนี้ “ผลเสียมีมากกว่าผลดี” ต่อทั้ง 2 พรรค สำหรับ “เพื่อไทย” ผลจากการ “ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว” ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะสร้างผลงานโดดเด่น
ล้มล้าง “ความผิดหวังของมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยเสรีนิยม” ถึงวันนี้พิสูจน์แล้วว่าแม้ “มือระดับเซียน” อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” จะลงเล่นเองเต็มที่ ก็ผ่านด่าน “ความเกลียดชัง” ที่ตั้งขบวนต้านหัวชนฝาไม่ได้
ทุกอย่างที่คิดวางแผนจะทำ เจอ “อุปสรรคที่ไม่อนุญาตให้ข้าม” ทุกเรื่อง และมีแนวโน้มที่ “ไม่มีทางเป็นอื่น” ทำได้แค่เป็น “พรรคที่เดินหน้าสู่ความล้มเหลวในการสร้างผลงาน” ไปวัน ๆ
⦁….ส่วน “ภูมิใจไทย” เป็น “พรรค 70 เสียง” และไร้ “ฐานกระแสประชาชน” สนับสนุน ความหวังเดียวที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” จะเป็น “นายกรัฐมนตรี” ได้ คือ “ทักษิณ ชินวัตร” จิ้มให้ขึ้นมา ซึ่งมองไม่เห็นความเป็นไปได้ เพราะนั่นเท่ากับ “ทักษิณ” หัก “ส.ส.เพื่อไทย” จำนวนมากที่ “อึดอัดทางเดินการเมืองที่ทับซ้อนกับภูมิใจไทย” จะเป็นการสร้างคำถามมากมายที่ “ทักษิณ” ยากจะหาคำตอบว่า การเปิดทางให้ “เนวิน-อนุทิน” ยิ่งใหญ่แบบนั้น สำหรับ “กลุ่มภักดีต่อชินวัตร” อาจไม่คิดอะไรมาก แต่สำหรับ “ผู้ภักดีต่อเพื่อไทย” คงต้องหาคำตอบว่าได้อะไรขึ้นมา
⦁….11 พ.ค. “เลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ” ช่วงนี้หาเสียง เกิดความแตกแยกทั่วทุกพื้นที่ “เพื่อนทะเลาะกับเพื่อน” กระทั่ง “พี่น้องยังต้องเลิกมองหน้ากัน” การเมืองสร้างความรู้สึกเลวร้ายให้กับผู้คน ทั้งที่ควรเป็น “การแข่งขันที่แข่งขันทำงานเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน” แต่เพราะ “การเมืองท้องถิ่น” กลายเป็น “เกมอำนาจเพื่อผลประโยชน์” จึงก่อค่านิยมที่อยู่ร่วมกันได้ยาก เมื่อต้องแข่งขันใน “เกมเลือกตั้ง” หากเป็นไปได้ เพื่อความสงบในพื้นที่ “ควรออกแบบโครงสร้างการเมือง” เพื่อสร้าง “ค่านิยมใหม่”
⦁….ถอยออกมา 2-3 ก้าว เพราะถูกกดดันจาก “กิจการที่คุมเศรษฐกิจของประเทศ” จะเสียหายหนัก จนเหมือนว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” ไปไม่เป็นแล้วจากการประเมินผลกระทบผิดพลาด แต่นั่นเป็นแค่ “สไตล์พ่อค้า” ที่ “ยืดได้หดได้” หัวใจของการต่อรองทั้งหมดยังอยู่ที่ “ทรัมป์” ยังเป็น “ผู้กำหนดกติกา” จะลดภาษีให้อะไร เท่าไร ถึงเมื่อไร จะเพิ่มจะลดอย่างไรในอนาคต “ทีมทรัมป์” ยังวางจุดยืนไว้ที่เป็น “ผู้คุมเกม” ที่ประเทศต่างๆ ยังทำได้แค่ “ทำข้อมูลและทำข้อเสนอ” ที่เชื่อว่าจะทำให้ “สหรัฐ” เห็นใจผ่อนปรนให้มากที่สุด คงมีแต่ “สี จิ้นผิง”เท่านั้นที่หนักแน่นในยืนยันว่า “ไม่ต้องค้าขายกันแล้ว”
⦁….อาจจะเป็นเพราะ “งง” และยัง “ตั้งหลักคิดไม่ถูก” เมื่อมหาอำนาจประกาศ “ภาษีศุลกากรมหาโหด” ผู้นำประเทศต่างๆ จึงลืมคิดไปว่า “นั่นเป็นเพียงเอาดุลจากการค้าอุตสาหกรรมและเกษตร” มาคำนวณ แล้วตัดสินว่า “อเมริกาขาดดุล” จ่ายภาษีให้มากกว่าคู่ค้าทั้งหมด แต่ในความจริงยังมี “รายจ่ายที่ดูมหาศาลกว่าเสียด้วยซ้ำ” ที่ต้องจ่ายให้ “ธุรกิจอเมริกา” โดยประเทศต่างๆ ต่อรองของแบ่งรายได้เป็น “ภาษี” ได้ยากเย็น นั่นคือ “บริการแพลตฟอร์ม” ที่สร้างมหาเศรษฐีใหม่ให้สหรัฐ เป็นธุรกิจที่ทำกำไรจนราคาหุ้นสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์ “กูเกิล เฟซบุ๊ก ยูทูบ และอื่นๆ” การเจรจาที่ “ทีมไทยแลนด์” กำลังจะเดินทางไป ควรเตรียมข้อมูลไปชี้ให้ “ทีมทรัมป์” เห็นว่า “อย่าเอาแต่ได้”
ชโลทร