เวลา 22.35 น. วันที่ 24 เม.ย.68 ตำรวจสถานีตำรวจทางหลวง1 กก.8 บก.ทล.(ตร.ทางหลวงอ่อนนุช)ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถบรรทุกเทรลเลอร์ชนกัน 2 คันและรถเอสยูวี บนถนนมอเตอร์เวย์(7) หลัก กม.ที่ 23 +4000 มุ่งหน้าชลบุรี จึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางหลวงและอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่ช่องจราจรซ้ายสุดของจุดพักรถชั่วคราว พบรถบรรทุกเทรลเลอร์ยี่ห้อ อีซูซุ หมายเลขทะเบียนหัวพ่วง 73-1430 ชลบุรี ท้ายพ่วงหมายเลขทะเบียน 713810 ชลบุรี ลักษณะบรรทุกยางมะตอยแต่เป็นรถเปล่า พุ่งชนท้ายรถเอสยูวียี่ห้อเชฟ รุ่น แคปติว้า สีขาว หมายเลขทะเบียนอุดรธานี และพบรถบรรทุกเทรลเลอร์อีก 1 คัน ที่จอดอยู่ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาวหัวพ่วงหมายเลขทะเบียน 81-2815 ชุมพร ลูกพ่วงหมายเลขทะเบียน 81-2816 ชุมพร บรรจุน้ำมันดิบ มา 30 กว่าตัน สภาพรถได้รับความเสียหายบริเวณท้าย
สภาพรถบรรทุกเทรลเลอร์ยี่ห้อ อีซูซุ หมายเลขทะเบียนหัวพ่วง 73-1430 ชลบุรี คันที่ชนท้ายรถเอสยูวีด้านหน้าพังยับเยิน และสภาพรถเอสยูวี ถูกอัดก๊อปปี้พังยับเยิน ภายในรถพบผู้เสียชีวิต 8 ราย ทางกู้ภัย ต้องใช้เครื่องอุปกรณ์ตัดถ่างหลายชุดงัดซากรถตัดประตูรถตัดตัวรถถึงจะนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 8 รายออกมาชันสูตรเบื้องต้น
เด็กเล็กเพศหญิง 2 ราย ยังไม่ทราบชื่อและอายุ เด็กเพศชาย 1 ราย ยังไม่ทราบชื่อและอายุ ผู้ใหญ่เพศหญิง 4 ราย ยังไม่ทราบชื่อและอายุ ผู้ใหญ่เพศชาย 1 ราย เป็นคนขับรถ ยังไม่ทราบชื่อและอายุ
เบื้องต้นรถเอสยูวีมาทั้งหมด 10 คน อีก 2 คน เป็นหญิงได้รับบาดเจ็บ กระเด็นออกมาจากรถ กู้ภัยนำส่ง โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9
สอบถามนายกวางแก้ว (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี คนขับรถบรรทุกน้ำมันดิบบอกว่ามาจาก ชุมพร จะไปส่งน้ำมันดิบที่จังหวัดกบินทร์บุรี จากนั้นได้จอดรถพักบริเวณจุดพักรถดังกล่าว ได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงดังขึ้น จึงพบว่ามีรถมาชนท้ายและยังบอกว่าตอนจอดรถไม่เห็นรถเอสยูวีคันดังกล่าวจอดอยู่ท้ายรถของตน
ส่วนคนขับรถบรรทุกคันต้นเหตุทราบชื่อ นายเสน่ห์ (ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 62 ปี ได้รับบาดเจ็บทางกู้ภัยนำส่ง โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะ ไปตรวจสอบวัดแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่รถบรรทุกเทรลเลอร์คันต้นเหตุ และนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุการเกิดเหตุครั้งนี้
ส่วนร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมด 8 ราย ทางกู้ภัย นำส่งพิสูจน์สถาบันนิติเวชโรงพยาบาล รามา สมุทรปราการและ ติดต่อญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาต่อไป
สำหรับรถเอสยูวีคันนี้โดยสารมาทั้งหมด 10 คนมาจากกรุงเทพมหานครกำลังมุ่งหน้าไปหาญาติที่จังหวัดระยอง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุมีรถบรรทุกจอดอยู่ด้านหน้าในช่องทางฉุกเฉินหรือจุดพักรถชั่วคราวอยู่ก่อนหนึ่งคัน คนขับจึงได้จอดรถต่อท้ายเพื่อให้คนในรถลงมาหยิบแพมเพิสมาเปลี่ยนให้เด็กบนรถ ต่อมาได้มีรถบรรทุกอีกหนึ่งคันวิ่งเข้ามาในช่องทางฉุกเฉินและพุ่งชนท้ายเข้ากับรถคันเกิดเหตุอย่างรุนแรง
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้คนขับรถพ่วงเข้ามอบตัวแล้ว
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยค่ะ
