รวมพลัง’บวร’จัดงานย้อนอดีตวิถีคนริมน้ำ
‘หวนคิดถึงวันวาน วันหวานหวาน@อัมพวา’

สภาพภูมิประเทศของเมืองอัมพวา จ.สมุทรสงคราม ที่มีแม่น้ำลำคลองแตกกิ่งก้านสาขามากมายโดยเชื่อมโยงกันเป็นโครงข่าย 136 คลอง และมีลำรางสาธารณะ หรือลำประโดง อีกนับพันสายนี้ วิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่จึงเกี่ยวพันและผูกพันกับสายน้ำอย่างเป็นเนื้อเดียวมาตั้งแต่อดีต เพราะแม่น้ำลำคลองเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงทุกชีวิตทั้งการอุปโภคบริโภค เป็นเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมโยงชุมชนกับการค้าขายในแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญ แม้ปัจจุบันความเจริญและการคมนาคมทำให้ถนนเข้ามาแทนที่การคมนาคมทางน้ำ การใช้เรือเป็นพาหนะในการสัญจรลดลงไปมาก แต่ความสำคัญในฐานะแหล่งน้ำยังคงอยู่ อีกทั้งมีส่วนสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อีกด้วย

ล่าสุด อำเภออัมพวา โดย “ธนวัฒน์ รุ่งเรืองศรี” นายอำเภออัมพวา ตระหนักและเล็งเห็นคุณค่าของการฟื้นฟูอนุรักษ์วิถีทางน้ำ รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ จึงทำโครงการ “หวนคิดถึงวันวาน วันหวานหวาน ณ อัมพวา” ในช่วงปลายเดือนนี้ ระหว่างวันที่ 30 เมษายน-1 พฤษภาคม ที่วัดอินทาราม ต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

“ได้นำปลัดอำเภอ, ข้าราชการ, เจ้าหน้าที่ เข้านมัสการ พระเมธีวัชรประชาทร (หลวงพ่อแดง นันทิโย) เจ้าอาวาสวัดอินทาราม เพื่อหารือการจัดงานดังกล่าว รวมทั้งนำเรือพายที่วัดอินทารามอนุรักษ์รักษาไว้ ลงพายเรือสำรวจเส้นทางทางน้ำในคลองแควอ้อมด้วย สำหรับงานดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อฟื้นฟูวิถีชีวิตทางน้ำ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยมีกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน มีการประกวดส้มโอดีลิ้นจี่หวาน, วันที่ 1 พฤษภาคม มีการแข่งขันประกอบอาหารโดยใช้วัตถุดิบในพื้นที่ อ.อัมพวา
ไฮไลต์ของงาน มีการแข่งเรือพายหลายประเภท มีทั้งแข่งเรือพายชาวบ้านในคลองแควอ้อมบริเวณหน้าวัดอินทาราม 4 ประเภท คือ ระยะทาง 100 เมตร 3 ประเภท ได้แก่ เรือสำปั้นขนาด 8 ศอก 2 ฝีพาย, เรือป๊าบขนาด 10 ศอก 3 ฝีพาย และเรือป๊าบขนาด 3 วา 2 ศอก 5 ฝีพาย และเรือบดขนาดมาตรฐาน 1 ฝีพาย แข่งขันระยะทาง 50 เมตร

จากนั้นเวลา 12.30 น. มีขบวนแห่ “เรือแฟนซีย้อนวิถีชุมชนตัวตนคนอัมพวา” ซึ่งประกอบด้วยขบวนเรือย้อนยุคจาก 11 ตำบล ใน อ.อัมพวา เริ่มขบวนจากหน้าวัดเหมืองใหม่ไปถึงวัดอินทาราม จากนั้นมีพิธีเปิดงานโดย นิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม จากนั้นมีการแข่งขันพายเรือสร้างความสามัคคี เป็นการแข่งขันเรือสำปั้นหัวใบ้ท้ายบอดขนาด 8 ศอก 2 ฝีพายระยะทาง 50 เมตร, แข่งขันพายยางทางมะพร้าว (ห่วงยาง) 1 ฝีพาย ระยะทาง 50 เมตร และแข่งขันเรือพาย 3 นายอำเภอ ระหว่างนายอำเภอเมือง นายอำเภออัมพวา และนายอำเภอบางคนที เจ้าของท้องที่ คือ กำนัน ปะทะพี่ท้องถิ่น คือ นายก อบต. และช่วงท้ายเป็นการแข่งพายเรือสำปั้น เรือป๊าบ และเรือบด รอบชิงชนะเลิศ โดยผู้ชนะเลิศทั้ง 4 ประเภท จะได้รับถ้วยรางวัลจากผู้ว่าฯสมุทรสงคราม พร้อมเงินรางวัล ส่วนเรือแฟนซีตัดสินจากเสียงโหวตของคนในงาน เรือลำใดสวยสุด 3 ลำดับแรกจะได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท 3,000 บาท และ 2,000 บาทตามลำดับ”

นายอำเภออัมพวากล่าวทิ้งท้ายว่า นอกเหนือจากกิจกรรมในงานทั้ง 2 วัน ที่วัดอินทาราม ยังจัดงาน “พุทธเกษตร ส้มโอดี ลิ้นจี่หวาน” ซึ่งมีการจัดจำหน่ายสินค้าตลาดนัดสินค้าชุมชน 11 ตำบลสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะลิ้นจี่ ส้มโอขาวใหญ่ ผลไม้ท้องถิ่นรสชาติดี ของดีอำเภออัมพวา ขอเชิญผู้สนใจมาเที่ยวชมงาน “หวนคิดถึงวันวาน วันหวานหวาน ณ อัมพวา” มาชมการแข่งขันเรือพายที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน ชมการแข่งขันทำอาหารท้องถิ่นอัมพวาจากวัตถุดิบของดีในชุมชน และมาชิม ช้อป ผลไม้สินค้าแปรรูปจากชาวสวนโดยตรงไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป

ด้าน “พระเมธีวัชรประชาทร” กล่าวว่า วัดอินทารามให้การสนับสนุนการจัดงานอย่างเต็มที่ การท่องเที่ยวทางน้ำเป็นโครงการที่น่าสนับสนุนส่งเสริม เพื่อจุดประกายการท่องเที่ยวทางน้ำที่สนุกปลอดภัย และยังสามารถล่องเรือชมธรรมชาติทางน้ำ และจอดแวะชมสวนลิ้นจี่ริมน้ำ ชมวัดริมคลองแควอ้อมที่มีมากถึง 17 วัด
งานนี้ถือเป็นพลัง “บวร” บ้าน, วัด, ราชการ ผสานพลังกัน เมื่อบ้านเข้มแข็ง, วัดเข้มขลัง, และราชการเข้มข้น เอาจริงเอาจัง รักประชาชน ทั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัด, นายอำเภอ, ข้าราชการทุกหมู่เหล่า มาร่วมด้วยช่วยกันจะให้ชาวบ้านมีความสุข อยู่ดีกินดี มีความสุข

สำหรับประชาชนที่มาเที่ยว พลาดไม่ได้ คือการทำบุญกราบไหว้นมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัด เช่น หลวงพ่อโตในอุโบสถมหาอุด มีประตูเข้าออกทางเดียว อายุกว่า 300 ปี, เดินลอดใต้อุโบสถ์หินอ่อนหลังใหม่เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลชีวิต สะเดาะเคราะห์ แก้ปีช สักการะขอพรหลวงพ่อรวย และชมพระอริยสงฆ์ 1,250 องค์แห่งเดียวใน จ.สมุทรสงคราม อีกทั้งยังสามารถให้อาหารปลาตะเพียนนับแสนตัวที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติในคลองอ้อมที่ท่าน้ำหน้าวัดอีกด้วย