หัวหน้าพรรคเส้นด้าย ร่อนจดหมายลาออก สะท้อนความในใจ ไทยเผชิญวิกฤตทั้งในและนอก แต่ไร้คำตอบแก้ปัญหาจากผู้นำพรรคระดับชาติ เชื่อพรรคต้องการคนที่เด็ดขาด แข็งแกร่ง และพร้อมชนทั้งระบบ พาไทยพ้นวิกฤติ
คริส โปตระนันทน์ ร่อนจดหมายลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเส้นด้าย ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว คริส โปตระนันทน์ – Chris Potranandana ใจความว่า พรรคเส้นด้ายเริ่มต้นความหวังจะเปลี่ยนแปลงประเทศ ทำให้การการเติบโตของพรรคควรสะท้อนเจตจำนงของประชาชน ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง
ในวันนี้ประเทศไทยเข้าสู่วิกฤต “อธิปไตยของชาติ” ที่ไม่ใช่แค่ปัญหาของเศรษฐกิจและสังคม และเราก็กำลังถูกบีบจากภัยทั้งภายในที่กำลังถูกกัดกินจากระบบใต้โต๊ะ และภายนอก จากการเสี่ยงต่อเป็นเบี้ยล่างทางสงครามภูมิศาสตร์ของประเทศมหาอำนาจ แต่คริสก็ไม่เคยเห็นคำตอบจากหัวหน้าพรรคใดในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือผู้นำพรรคประชาชน
อย่างไรก็ตาม การลาออกในครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า เขาหมดศรัทธาต่อพรรค ในทางกลับกันเขาเชื่อว่า พรรคเส้นด้ายต้องการผู้นำคนใหม่ที่เด็ดขาดกว่าเขา แข็งแกร่งกว่า พร้อมชนทั้งระบบและกล้านำประเทศหลุดพ้นจากวงจรความกลัวและการประนีประนอมความผิด
ข้อความฉบับเต็มระบุว่า “จดหมายลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเส้นด้าย
พรรคเส้นด้ายก่อตั้งขึ้นจากความหวัง ความหวังที่ว่าประชาชนธรรมดา สามารถรวมพลังกันขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้ ไม่ใช่ด้วยการใช้อำนาจ ไม่ใช่ด้วยเงินทุนมหาศาล แต่ด้วยการยืนหยัดในความจริง ด้วยความตั้งใจ และด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ต่อระบบที่บิดเบี้ยว
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นพรรคเส้นด้ายค่อย ๆ เป็นที่รู้จักในสังคม จากพรรคเล็กที่ไม่มีใครนึกถึง กลายเป็นพรรคที่มีคนพูดถึงในทุกพื้นที่ จุดเปลี่ยนสำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว คือ เหตุการณ์ที่ ส.ก.พีรพล กนกวลัย เลขาธิการพรรค กล้าพูดถึงประเด็นที่ไม่มีใครกล้าพูด เรื่อง “ศพใต้ตึกสตง.” กับ “คนไทยที่ยังรอความยุติธรรม”
ในขณะที่หลายฝ่ายเลือกจะเงียบ เลือกจะรักษาภาพลักษณ์ เราเลือกพูดความจริง และนั่นทำให้คนจำนวนมากหันมาฟังเรา ประชาชนหลายพันคนตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกพรรคเส้นด้ายในเวลาไม่กี่วัน จากพรรคเล็ก ๆ ที่เคยมีสมาชิกไม่ถึงหลักพัน วันนี้เรามีสมาชิกเกิน 10,000 คนแล้ว
ผมเชื่อว่าการเติบโตของพรรคควรสะท้อนเจตจำนงของประชาชน ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง และนั่นคือเหตุผลที่ผมขอลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเส้นด้ายในวันนี้ เพราะพรรคที่เชื่อในประชาธิปไตย ต้องเปิดพื้นที่ให้กับการเลือกตั้งภายในพรรคให้สมาชิกใหม่ได้ร่วมกำหนดอนาคตของพรรคด้วยตนเอง ไม่ใช่ให้ใครคนใดคนหนึ่งอยู่เหนือเสียงของมวลชน
เนื่องจากในวันพรุ่งนี้ วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2568 จะมีการประชุมใหญ่ของพรรคเส้นด้าย ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ พอดีพรุ่งนี้ผมจะไปใช้สิทธิ์ในฐานะสมาชิกพรรคคนหนึ่งด้วย ผมหวังว่า การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้จะลุล่วงไปด้วยดี และด้วยหนทางประชาธิปไตย เราจะได้หัวหน้าพรรคที่เหมาะสม กับสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน
ผมขอเป็นคนแรก ที่ยอมสละตำแหน่ง เพื่อยืนยันว่า เส้นด้ายยังคงเป็นพรรคที่ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แม้ว่าเส้นทางข้างหน้าอาจจะไม่ง่าย แต่ผมเชื่อว่าการเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกผู้นำใหม่
คือการลงทุนที่สำคัญที่สุดของพรรคในระยะยาว แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็ต้องพูดความจริงอีกเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ประเทศไทยวันนี้ กำลังเข้าสู่วิกฤตหลายระลอก ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่สังคม แต่คือ อธิปไตยของชาติ
สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ยังไม่มีท่าทีว่าจะยุติ ในขณะเดียวกัน ความตึงเครียดระหว่างจีนและไต้หวันก็กำลังจะปะทุ หากสงครามเกิดขึ้นในคาบสมุทรจีนใต้หรือคาบสมุทรเกาหลี ประเทศไทยจะกลายเป็น “หมากตัวเล็ก” ในวิกฤตภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่มีใครไว้ชีวิต
คำถามคือ…ใครในแวดวงการเมืองไทยวันนี้ ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับความเสี่ยงระดับโลกแบบนี้ ?
ใครที่ไม่ยอมขายความเป็นกลางของไทยให้มหาอำนาจใด ?
ใครที่กล้าเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากภายนอกโดยไม่ยอมก้มหัว ?
ผมไม่เห็นคำตอบจากหัวหน้าพรรคใดในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น นายกอุ๊งอิ๊ง หรือ เท้ง ผู้นำแห่งพรรคส้ม พวกเขาอาจจะเก่งเรื่องการตลาด การพูดใน TikTok แต่ในสนามความมั่นคง พวกเขายังไม่แม้แต่จะเริ่มต้นคิดอย่างเป็นระบบ
ประเทศไทยกำลังถูกบีบจากภัย ทั้งจากภายนอกและภายในภัยจากภายนอก เราเสี่ยงต่อการตกเป็นเบี้ยล่างทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะที่ภัยจากภายใน เรากำลังถูกกัดกินอธิปไตยจาก “ระบบใต้โต๊ะ” ณ ปัจจุบัน แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายจำนวนมหาศาลกำลังหลั่งไหลเข้ามาในประเทศอย่างหยุดไม่อยู่
ว่ากันว่า วันนี้แรงงานเถื่อนเหล่านี้มีตัวเลขกว่า 10 ล้านคน และที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ เจ้าหน้าที่รัฐของเรานั่นแหละที่เปิดประตูให้ต่างด้าว ไม่ใช่ด้วยความไม่รู้ แต่ด้วย “สินบน” และผลประโยชน์ที่แบ่งกันอย่างเงียบ ๆ
สิ่งที่ตามมาไม่ใช่แค่ “แรงงานราคาถูก” แต่คือความเสียหายต่อระบบแรงงานไทยโดยรวม ค่าจ้างไม่ขยับ คนไทยไม่มีงานทำ งานในมือหลุดไปต่างด้าว
และเมื่อพูดเรื่องนี้ ก็จะมีบางคนออกมาด่าว่า “เหยียดชาติพันธุ์” ทั้งที่ความจริงคือ “เรากำลังเสียอธิปไตยทางเศรษฐกิจ” ในอดีต ถ้าศัตรูจะเข้าประเทศไทย พวกเขาต้องแลกด้วยเลือด แต่วันนี้ ศัตรูเดินเข้ามาได้ง่ายกว่าซื้อของออนไลน์ และเจ้าหน้าที่คนไทยบางคนก็คือผู้เปิดประตูให้
ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลชุดนี้ของพรรคเพื่อไทย ยังแสดงความใกล้ชิดกับรัฐบาลกัมพูชา ทั้งที่ทหารเขมรเพิ่งล้ำแดน และมีการร้องเพลงชาติเขมรในดินแดนไทย ถามจริง ๆ ประเทศไหนในโลกที่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น โดยไม่มีคำตอบจากรัฐบาล ? รัฐบาลชุดนี้ไม่เพียงอ่อนแอทางความมั่นคง แต่ยังอ่อนแอทางศักดิ์ศรีแห่งชาติ
เพราะเหตุนี้ทั้งหมด ผมจึงเชื่อว่า พรรคเส้นด้ายต้องการผู้นำคนใหม่ คนที่เด็ดขาดกว่าผม แข็งแกร่งกว่า พร้อมชนทั้งระบบและกล้านำพาประเทศให้หลุดพ้นจากวงจรของความกลัวและการประนีประนอมกับความผิด
วันนี้ผมขอลงจากตำแหน่งไม่ใช่เพราะหมดศรัทธาแต่เพราะผมยังศรัทธาในพรรคเส้นด้ายและศรัทธาในประชาชนที่เลือกจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงประเทศไทยด้วยตนเอง ผมขอลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อเปิดทางให้สมาชิกเลือกคนที่เหมาะสม โดยผมยืนยันที่จะสนับสนุนพรรคนี้ต่อไป ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหนก็ตาม
คริส โปตระนันทน์ อดีตหัวหน้าพรรคเส้นด้าย 25 เมษายน 2568″
