กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20-33.90 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 33.50 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 33.08-33.59 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 6 เดือนครั้งใหม่ก่อนจะพลิกกลับมาอ่อนค่า
28 เม.ย. 2568 – ขณะที่เงินดอลลาร์ฟื้นตัวเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก หลังรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯส่งสัญญาณสงครามการค้ากับจีนจะคลี่คลายลงภายในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์อาจปรับลดภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากจีนจากระดับที่สูงมากเกินจริงและพร้อมที่จะลดข้อพิพาทด้านการค้า นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯระบุว่าไม่มีแผนที่จะปลดประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)คนปัจจุบันก่อนที่จะครบวาระในเดือนพฤษภาคม 2569 ท่าทีที่อ่อนลงดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการแทรกแซงเฟด และกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 8,934 ล้านบาท แต่มียอดซื้อพันธบัตรสุทธิ 18,404 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ ตลาดจะติดตามข้อมูลภาคบริการและการจ้างงานเดือนเมษายนของสหรัฐฯ ขณะที่นายวอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดกล่าวว่าจะสนับสนุนการลดดอกเบี้ยกรณีตลาดแรงงานแย่ลงอย่างมาก อนึ่ง แม้พัฒนาการล่าสุดบ่งชี้ว่าการตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯกำลังจะเข้าสู่ช่วงประณีประนอม แต่เรามองว่าอาจไม่พอที่จะหนุนการฟื้นตัวที่ยั่งยืนสําหรับค่าเงินดอลลาร์ในระยะยาว โดยดอลลาร์ที่ร่วงลงในเดือน เมษายนสะท้อนมุมมองของตลาดที่ว่าสหรัฐฯจะได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าแบบสุดโต่งมากกว่าเศรษฐกิจหลักแห่งอื่นๆ
นอกจากนี้ ประเมินว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้วจากนโยบายสหรัฐฯ ขณะที่ภูมิทัศน์ตลาดการเงินโลกเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อาจฟื้นตัวเล็กน้อยในช่วงสั้นๆหากเศรษฐกิจสหรัฐฯไม่ชะลอลงมากเท่าที่นักลงทุนกังวลซึ่งจะทําให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยยากขึ้นเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของตลาดในปัจจุบัน ทางด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยที่ 0.50% ในวันที่ 1 พฤษภาคม
สำหรับปัจจัยในประเทศ มองสวนตลาดและคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)อาจคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.00% ในการประชุมวันที่ 30 เมษายน เพื่อจับตาและรอความชัดเจน โดยเก็บกระสุนดอกเบี้ยนโยบายไว้ใช้ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกไตรมาส 1/68 เพิ่มขึ้น 15.2% แต่ในช่วงที่เหลือของปี ภาคส่งออกเผชิญความท้าทายจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯและภาษีตอบโต้จากประเทศอื่นๆ