"บิ๊กหวาน"หารือร่วมอธิบดีกรมปราบปรามองค์กรอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น เดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
วันที่28 เมษายน 2568 ที่ห้องพรหมนอก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ให้การต้อนรับ นายเอกุจิ อาริชิกะ อธิบดีกรมปราบปรามองค์กรอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นและคณะ ประกอบด้วย นายเรียว ยาสึเอดะ ผู้บัญชาการสืบสวนระหว่างประเทศ กรมปราบปรามอาชญากรรมองค์กร/หัวหน้าตำรวจสากลโตเกียว (NCB TOKYO) , นายเทรุซาโตะ อิโนะอุเอ ผู้กำกับการกองปราบปรามอาชญากรรม , นายอาริกะ คิตาโมโตะ ผู้กำกับการกองปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนระหว่างประเทศ , นายนาโอโตะ วาตานาเบะ เลขานุการเอกและผู้ช่วยทูตตำรวจอาวุโสฯ , นายโยชิโนริ นาราซากิ เลขานุการโทและผู้ช่วยทูตตำรวจฯ , นางสาวแพรวพฤกษ์ จิตสกุลชัยเดช เจ้าหน้าที่ประสานงานและล่ามไทย-ญี่ปุ่น และ นายพิสิฏฐ์ ไม้ประเสริฐ ผู้ช่วยกงสุล ประจำสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น โดยมี พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และ พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ ร่วมต้อนรับ
พล.ต.อ.ธัชชัย พร้อมด้วยอธิบดีกรมปราบปรามองค์กรอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น และคณะ ได้ประชุมหารือความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ณ สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ โดยในการประชุมได้มีการหารือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ในการกวาดล้างจับกุมกลุ่มแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะที่มีชาวญี่ปุ่นเกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ อธิบดีกรมปราบปรามองค์กรอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น กล่าวว่า ขอขอบคุณตำรวจไทยในการร่วมมือสืบสวนปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และช่วยเหลือเหยื่อ จากนี้ไปจะมีการประสานการทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการกำจัดกลุ่มแก๊งดังกล่าวมีประสิทธิภาพและประสบผลสำเร็จ
พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์คือการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างใกล้ชิด ซึ่งต้องขอขอบคุณทางการญี่ปุ่นที่แลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และจะสานต่อความร่วมมือในการดำเนินการร่วมกันต่อไป สำหรับในเรื่องข้อมูลแหล่งที่ตั้งฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียวมา และประเทศกัมพูชา นั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยจะมีการตรวจสอบเพิ่มเติม และขยายผลการปฏิบัติ โดยหากจะมีการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และพบว่ามีชาวญี่ปุ่นร่วมอยู่ในกลุ่มแก๊งใด ทางตำรวจไทยจะประสานทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นให้ทราบ เพื่อเตรียมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทันท่วงที ส่วนกรณีที่มีข้อมูลว่ามีคนไทยเกี่ยวข้องกับการพาคนญี่ปุ่นที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยจะขยายผลเพื่อดำเนินคดีโดยเร็ว ย้ำว่าจะต้องทำลายระบบเครือข่ายของแก๊งเหล่านี้ให้หมดไป