หุ้นกัลฟ์คัมแบ๊กโฉมใหม่ กูรูเชื่อครองผู้นำด้านพลังงาน แถมรุกธุรกิจเทคโนโลยีเพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 3 เมษายน หุ้นบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กลับมาทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นวันแรก หลังจากควบรวมกิจการ โดยราคาปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 49.25 บาทต่อหุ้น ราคาสูงสุดอยู่ที่ 50.50 บาทต่อหุ้น ต่ำสุด 48.75 บาทต่อหุ้น
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การจัดโครงสร้างของกัลฟ์ ครองผู้นำด้านพลังงานพร้อมการขยายตัวสู่ธุรกิจเทคโนโลยี โดยบริษัทใหม่ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตพลังงานพร้อมกับขยายสู่ธุรกิจเทคโนโลยี เช่น AI data center, satellite และการแปรสภาพแอลพีจี ทำให้การยกระดับธุรกิจใหม่สอดคล้องกับกระแสเมกะเทรนด์เทคโนโลยี กัลฟ์จึงอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งเพื่อเติบโตอย่างมั่นคงและมีแวลูเอชั่น หรือมูลค่าหุ้นในระดับพรีเมียมมากขึ้น หลังจากลงทุนสูงในไอพีพีขนาดใหญ่ และการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในแอดวานซ์ขึ้นเป็น 40% (จาก 20%) ทำให้กัลฟ์กำลังเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ด้วยงบ CAPEX สูงและขยายสู่ธุรกิจไอซีทีที่ช่วยเพิ่มโมเมนตัมบวก ด้วย pipeline ที่ 47% ของ COD capacity ปัจจุบัน (หรือ 4.2GW) ทำให้โครงการใหม่เริ่มรับรู้รายได้รายปีในช่วงปี 2568-2576
ภาพรวมหลังการจัดโครงสร้างใหม่ของกัลฟ์และกำไรที่เพิ่มขึ้นหลังการควบรวมแล้ว โครงสร้างธุรกิจของกัลฟ์จะแบ่งเป็น ธุรกิจพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน (60% ของกำไร) และธุรกิจดิจิทัล (40%) โดยที่บริษัทยังคงเน้นที่ธุรกิจพลังงาน คาดว่ากำไรหลักจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4 พันล้านบาทต่อปี เนื่องจากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในแอดวานซ์ขึ้นเป็น 40% (จาก 20%) บนสมมุติฐานว่าจะมีส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 7-8 พันล้านบาท หักล้างด้วยค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ไม่มีตัวตน (intangible asset amortization) ที่ 4 พันล้านบาท ในแง่บวก จากฐานทุนที่ใหญ่ขึ้นเป็น 1.5 แสนล้านบาท จะช่วยลด net IBD/E ลงเหลือ 0.8x จากเดิม 1.8x ในไตรมาส 4/2567
ขณะที่คาดกำไรหลักในไตรมาส 1/2568 เพิ่มขึ้น ประมาณ 4.9-5.0 พันล้านบาท หนุนการเติบโตจากอุปสงค์ด้านสาธารณูปโภคฟื้นตัว การเริ่มรับรู้กำไรจาก HKP Unit2 (185MWe ตั้งแต่เดือนมีนาคม) และการรับรู้โครงการพลังงานหมุนเวียนในไทย