‘ภูมิธรรม’ เผยสภากลาโหมหารือรับมือนโยบายภาษีสหรัฐ ยอมรับส่งผลกระทบต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาก สั่งกองทัพติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด พร้อมเตรียมการในประเทศ ยืนยันกรณีทหารแจ้งความ ดร.พอล แชมเบอร์ส ในคดี ม.122 ไม่ใช่เงื่อนไขให้สหรัฐเลื่อนเจรจาไทย ชี้ไม่มีดีลต่อรองกับสหรัฐเรื่องนี้ด้วย ขอระมัดระวังในการสื่อสาร เพราะส่งผลกระทบต่อประเทศ

เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่กองบัญชาการกองทัพไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวหลังการประชุมสภากลาโหมสัญจรที่กองบัญชาการกองทัพไทยว่า ที่ประชุมได้รับทราบ สรุปสถานการณ์ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงนโยบายของทางสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภูมิภาคต่างๆ อย่างไรบ้าง รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะถือเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

ทั้งนี้ ไทยจะต้องมีการปรับตัว โดยต้องวางบทบาทต่อมหาอำนาจต่างๆ ให้สมดุลและเหมาะสม เพราะสองมหาอำนาจกำลังทำสงครามทางการค้า และส่งผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยตรง

นอกจากนี้ ที่ประชุมสภากลาโหมยังได้รับทราบถึงรายงานการดำเนินงาน 11 ด้านของแต่ละเหล่าทัพ ตามนโยบายที่เคยสั่งการไป

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่ประชุมได้พูดถึงนโยบายของทางสหรัฐในภาพกว้างว่าจะกระทบกับไทยมากน้อยแค่ไหน เพราะประธานาธิบดีสหรัฐเปลี่ยนนโยบายแทบทุกวัน รวมทั้งไม่มีความแน่นอน แต่ก็ยอมรับว่าท่าทีของประธานาธิบดีสหรัฐส่งผลกระทบต่อไทยอย่างแน่นอน ซึ่งในวันนี้ได้มีการประชุมหารือหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมรับมือนโยบายของทางสหรัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รู้แนวทางและประเด็นการพูดคุย รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ ของสหรัฐทั้งหมด

เมื่อถามว่า กองทัพต้องเตรียมตั้งรับนโยบายของทางสหรัฐในเชิงรุกอย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า ประเด็นสำคัญคือต้องเตรียมการภายในประเทศ และต้องทำอย่างไรในการขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจที่ดีสำหรับประชาชน ทั้งนี้ กรณี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังพูดยาก เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลง พรุ่งนี้พูดอย่าง มะรืนพูดอย่าง ดังนั้น ถ้ากังวลใจในเรื่องนี้มาก เราจะทำตัวไม่ถูก ทุกคนต้องนิ่งอยู่กับที่และดำเนินการที่เป็นประโยชน์กับประเทศให้มากที่สุด

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ย้ำว่าใครต้องพร้อมปรับตัว หากจะมีการเจรจา อยากให้ไทยมีอาวุธยุทโธปกรณ์ก็ยินดีพิจารณา แต่ก็ต้องคำนึงถึงปัญหาความต้องการของไทยด้วย ดังนั้น จะให้มาซื้อในสิ่งที่ไม่ต้องการก็คงไม่ซื้อ ทั้งนี้ ประเด็นเหล่านี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ประเด็นที่จะมาเสนอ แต่เป็นสิ่งที่เราคาดเดาไว้ซึ่งไทยก็ต้องดูและเตรียมการไว้ ต้องยืนอยู่บนพื้นฐานให้ไทยเข้มแข็งและแข็งแรงตามศักยภาพของเรา ยืนอยู่ได้ ช่วยกันได้ก็ไม่มีปัญหา

เมืาอถามว่า กรณีการแจ้งความดำเนินคดีกับ ดร.พอล แชมเบอร์ อาจารย์ศูนย์อาเซียนศึกษา คณะสังคมศาสตร์ ม.นเรศวร ของกองทัพภาคที่ 3 จะเป็นเงื่อนไขหนึ่ง หรืออุปสรรคในการเจรจากับสหรัฐหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีเงื่อนไขของสหรัฐ การที่ตั้งคำถามมาไม่รู้ว่าเอาข้อมูลมาจากไหน และการที่ระบุว่ามีข้อมูลจะมาจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เป็นเรื่องของนายทักษิณ

นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้ย้ำว่าไม่มีท่าทีที่ชัดเจนจากทางสหรัฐว่าจะต้องดำเนินการเช่นไร แต่การดำเนินการทั้งหมดต้องคำนึงถึงกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งไม่มีดีลอะไร หรือนำมาทำเป็นเงื่อนไขใดการตั้งข้อหาและแจ้งความของทางทหาร ซึ่งก็ว่าไปตามกระบวนการและต้องตรวจสอบให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ย้ำว่าไม่ได้มีความตั้งใจจะเอาเรื่องนี้มาดีลกับใครหรือเป็นข้อต่อรอง ถ้าคิดว่าทำผิดกฎหมายก็ว่าตามกระบวนการกฎหมาย แต่ขณะนี้มีปัญหาอีกหลายอย่าง ซึ่งให้ตำรวจและอัยการดำเนินการไปตามขั้นตอน เชื่อว่าสหรัฐจะเข้าใจ เพราะเป็นกระบวนการตามกฎหมายภายในประเทศ

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ประเด็นนี้ส่วนตัวอยากขอร้องว่าให้ใช้ความระมัดระวังอย่างมาก หากไปสื่อในทางไม่เข้าใจก็จะเป็นผลเสียต่อประเทศค่อนข้างมาก ดังนั้น เราตระหนักดีว่าสิ่งไหนเป็นปัญหา ซึ่งก็ต้องดูข้อเท็จจริงและคำนึงระมัดระวังในเรื่องเหล่านี้ ไม่ให้ส่งผลเสียหายต่อประเทศ เพราะเรื่องที่กำลังพูดคุยกันนี้เป็นเรื่องผลประโยชน์ประเทศซึ่งสำคัญมากก็อยากให้ระมัดระวังในเรื่องนี้