พิชัย รมว.พาณิชย์ เผยการจัดอันดับเครดิตประเทศไทยลง ชี้ตัดสินใจเร็วไป หากจะมองจากปัจจัยมาตรการทรัมป์ 2.0 ซึ่งยังมีเวลาในการเจรจาอยู่
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัทจัดอันดับเครดิต มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส (Moody’s) ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศไทยลงสู่มุมมองเชิงลบ (Negative) จากเดิมที่มีเสถียรภาพ (Stable) ว่ามองว่ามูดี้ส์ตัดสินประเทศไทยเร็วไปหน่อย เพราะการเจรจาแก้ไขปัญหาภาษีตอบโต้การค้าระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกายังไม่จบ กำลังอยู่ระหว่างเจรจา ซึ่งขณะนี้ไทยก็มีความพร้อมที่จะไปเจรจา มั่นใจว่าจะได้เจรจากับสหรัฐแน่นอน ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเดือน พ.ค.นี้
ทั้งนี้ การปรับลดอันดับเครดิตไทยครั้งนี้ค่อนข้างแปลก เพราะ 10 ปีที่ผ่านมาคงอับดับไทยมาโดยตลอด ทั้ง ๆ ที่เศรษฐกิจไทยก็ไม่ได้ดี โตเฉลี่ยเพียง 1.9% แต่กลับมาปรับลดอันดับช่วงนี้ ทั้ง ๆ ที่การส่งออกของไทยกำลังขยายตัวดีมาก โตต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน และยังโตต่อ โดยคาดว่าปีนี้การส่งออกของไทยจะเติบโตได้มากกว่าเป้าหมายที่ 2-3%
“ผมว่ามูดี้ส์มองไม่เห็นภาพรวม มูดี้ส์ต้องดูการคาดการณ์ของตัวเองด้วย ว่าที่ทำมามันเวิร์กไหม หากมีการประเมินอันดับไทยโดยใช้จากอัตราภาษีตอบโต้ที่คาดว่าสหรัฐจะเรียกเก็บ 36% ก็ต้องไปปรับลดประเทศอื่น ๆ ด้วย เช่น เวียดนาม”
นายพิชัยกล่าวถึงกรณีที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ช่วงบ่ายวันนี้ (30 เม.ย.) ว่า หวังว่า กนง.จะปรับลดดอกเบี้ย เพื่อทำให้ค่าเงินอ่อนลง เพื่อช่วยหนุนการส่งออกและภาคท่องเที่ยว ซึ่งจากการหารือร่วมกับรัฐมนตรีการค้าของมาเลเซียครั้งก่อน ได้ถามตนว่าทำไมเศรษฐกิจไทยไม่ดี แต่เงินบาทกลับแข็งค่า และแข็งมากกว่าประเทศในภูมิภาคมาก แข็งค่ามากกว่าตอนไทยเจอปัญหาวิกฤตต้มยำกุ้งอีก
ส่วนกรณีที่รัฐบาลเตรียมกู้เงิน 5 แสนล้านบาทนั้น อยากทำความเข้าในว่ารัฐบาลไม่ได้บอกว่าจะกู้เงินทั้ง 5 แสนล้านบาท และก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้หมด ที่สำคัญปัจจุบันไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมากถึง 2 แสนล้านบาท เพียงพอที่จะใช้หนี้แบบไม่มีปัญหา