'คลัง' หั่นจีดีพีปี 68 เหลือโต 2.1% พิษภาษีทรัมป์ทำแสบ มูดี้ส์หั่น Outlook ไม่กระทบ
GH News May 01, 2025 06:07 PM

พิษภาษีทรัมป์ทำแสบ ‘คลัง’ ยอมหั่นจีดีพีปี 68 เหลือโต 2.1% จากคาดการณ์เดิมที่ 3% ส่งออกอ่วมไม่แพ้ คาดโต 2.3% ยันฐานะการคลังยังแกร่ง มูดี้ส์หั่น Outlook ไม่กระทบ

1 พ.ค. 2568 – นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค. ได้ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2568 ลงเหลือ 2.1% โดยอยู่ในช่วงคาดการณ์ที่ 1.6-2.6% จากคาดการณ์เดิมที่ 3% เป็นผลจากแรงกดดันด้านการค้าโลก โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า

ขณะที่แนวโน้มการส่งออกปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.3% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 4.4% ซึ่งได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การประกาศเลื่อนการบังคับใช้นโยบาย Reciprocal Tariff ออกไป 90 วัน และกรณียกเว้นสินค้าบางประเภท เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องคอมพิวเตอร์ของสหรัฐฯ ได้บรรเทาผลกระทบของการส่งออกของไทยลงบางส่วน ด้านมูลค่าการนำเข้าสินค้าคาดว่าจะทรงตัวที่ 1% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 3.4% โดยมองว่า นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในระยะต่อไป ยังคงมีความไม่แน่นอนและมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางของเศรษฐกิจไทยและประเทศคู่ค้าอย่างมีนัยสำคัญ จำเป็นต้องมีการติดตามการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าของไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป

“การปรับลดคาดการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เป็นการปรับลดคนเดียว มีหลายหน่วยงานที่ได้ปรับลดไปก่อนหน้านี้แล้ว จากสถานการณ์การค้าโลกที่ไม่ได้เป็นปกติ โดยคลังได้เตรียมความพร้อม และดูแลภายในประเทศ โดยเฉพาะการเร่งรัดการเบิกจ่ายในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยการเบิกจ่ายปีนี้ดีกว่าที่แล้ว หากช่วงที่เหลือหากสามารถเบิกจ่ายได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 98% ได้ โอกาสที่เศรษฐกิจจะขยายตัวได้สูงกว่าคาดการณ์ก็เป็นไปได้เช่นกัน ขณะเดียวกันยังเตรียมบูรณาการมาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะการปรับปรุงโครงการคุณสู้ เราช่วย จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวสูงกว่าที่ประเมินไว้ได้” นายพรชัย กล่าว

ทั้งนี้ ปี 2568 เศรษฐกิจไทยยังได้รับแรงสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ยังขยายตัวดี โดยคาดว่าจะขยายตัวที่ 3.2% ตามกำลังซื้อในประเทศและรายได้ภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 36.5 ล้านคน ขยายตัว 2.7% ส่วนการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวได้ 0.4% สำหรับการบริโภคภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวที่ 1.2% และการลงทุนภาครัฐขยายตัวที่ 2.8%จากการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง และการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่จะมีการเร่งรัดเบิกจ่ายในช่วงไตรมาสที่ 3 – 4 ของปีงบประมาณ 2568 ต่อเนื่องไปยังไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 69

ด้านเสถียรภาพภายในประเทศอยู่ในระดับมั่นคง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะลดลงอยู่ที่ 0.8% ต่อปี ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ลดลง ขณะที่เสถียรภาพภายนอกประเทศ ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 68 มีแนวโน้มเกินดุล 12.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้เตรียมตัวรับมือและบรรเทาสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 5 ด้าน ดังนี้ 1.ดำเนินการเจรจากับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องเพื่อแสวงหาแนวทางที่เป็นประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย 2.เตรียมแหล่งเงินเพื่อจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการดำเนินนโยบายการคลังให้มีขนาดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับกลุ่มเปราะบาง อันเนื่องมาจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

3.เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงที่เหลือของปี 2568 เพื่อสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4.ผลักดันความช่วยเหลือผู้ส่งออกผ่านธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ และ 5.บูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการดูแลกลุ่มเปราะบางและกิจการขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้

“ยังควรติดตามปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด ได้แก่ นโยบายด้านภาษีของสหรัฐฯ และการตอบโต้ของประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะประเทศจีน, ทิศทางของการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ, การไหลเข้าของสินค้าจากประเทศที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านภาษีที่ย้ายตลาดเข้าสู่ไทยมากขึ้น, ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในภูมิภาคต่าง ๆ, การย้ายฐานการลงทุนและการผลิตในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านภาษี, ความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย และปัญหาหนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจของไทยที่อาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคต” ผู้อำนวยการ สศค. ระบุ

อย่างไรก็ดี นายพรชัย กล่าวถึงฐานะการคลังของประเทศ โดยยืนยันว่า ฐานะทางการคลังไทยยังแข็งแกร่ง และผลการจัดเก็บรายได้ยังเป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนกรอบเพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ยังอยู่ที่ 70% โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 64% ต่อจีดีพี ส่วนการปรับลด Outlook ประเทศไทยของมูดี้ส์ จะมีผลต่อต้นทุนของไทยหรือไม่นั้น ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยในระยะแรกยืนยันว่า “ยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด”

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.