‘เอ ศุภชัย’ รับปีนี้วงการบันเทิงเงียบ หันมารันวงการอาหาร แจงดราม่าขายแพง

หลังจากที่นักปั้นมือทอง อย่าง เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร ผันตัวมาเป็นแม่ค้าเปิดธุรกิจขายอาหาร ที่ไม่ว่าจะทำเมนูไหนออกมาก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า อีกทั้งยังเป็นกระแสไวรัลในโซเชียลอีกด้วย ล่าสุด (30 เม.ย.) เอ เปิดธุรกิจใหม่ เปิดตลาด “A fair อร่อยเกรดเอ by A Supachai” ที่เซ็นทรัล เวสเกต ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องธุรกิจ พร้อมเปิดใจถึงดราม่าอาหารราคาแพงว่า

“ตั้งแต่ที่พี่เอทำอาหารขายแล้วก็ได้มีโอกาสได้รู้จักหลายคนที่ขายของได้รู้จักวงการอาหาร และความเป็นคนชอบกินชอบชิมแต่อาหารอร่อยเราก็อยากเอามาให้ทุกคนได้เจอเลยเกิดไอเดียขึ้นมาว่าน่าจะจัดเป็นงานแฟร์ขึ้น เลยเกิดงาน A fair ขึ้นมา แล้วเราก็ได้มีโอกาสให้น้องๆ ศิลปินมาทำงาน ได้ร้องเพลง มีธุรกิจอาหารก็ได้เอามาขาย ช่างหน้าช่างผมได้มีอีเวนต์ เพราะว่าตอนนี้วงการบันเทิงก็เงียบมาก อยากให้ทุกคนมีงานทำ”

ปีนี้วงการบันเทิงเงียบกว่าปีที่แล้วอีกหรอ?

“สำหรับพี่เอเงียบมากเลยค่ะ พี่ไม่รู้จะเจอน้องๆ ในสังกัดด้วยวิธีไหน มันไม่มีละครไม่มีอะไรเลยนอกจากจัดงานนี้ให้พี่ๆ นักข่าวได้มาเจอ”

จากเจ้าแม่ของวงการ ณ วันนี้ขายงานยากกว่าเดิมไหม?

”จริงๆ สำหรับงานตัวเองไม่ยาก พี่เอมีงานเพราะพี่เอเป็นแม่ค้า ขายของไม่ได้เล่นละครแต่คนที่เขาเล่นละครอย่างเดียวตอนนี้มันน้อยลงเราก็ต้องพยายามหาคอนเทนต์อื่นเพื่อให้มันมีให้เราได้เจอกันได้มีวิธีการได้เงินเกิดขึ้น ก็เหมือนสตาร์ตอัพ จากที่เราเคยสตาร์ตอัพปั้นเด็กตอนนี้เราก็ต้องคิดเยอะขึ้นว่าจะทำอะไรให้ทุกคนอยู่ได้ รู้สึกว่าตอนยุคที่ทีวีถ่ายวิดีโอมันสนุกกว่าตอนนี้อีก แต่ทำไมตอนนี้มันซบเซาลง เมื่อก่อนวิดีโอที่เราดูภาพไม่ต้องชัดแต่ทำไมธุรกิจมันดูขับเคลื่อนไปได้ แต่ทำไมตอนนี้มันถึงไม่เหมือนเดิมก็เลยต้องหาช่องทางอื่นด้วยค่ะ เดี๋ยวพูดไปน้ำตาก็จะไหลอีก“

มีน้องๆ เข้ามาปรึกษาปัญหา?

”คือเขาไม่ต้องปรึกษาหรอกพี่เอมองตาก็รู้กันอยู่ และรู้ว่าเราต้องทำอะไรบ้าง ให้กับคนที่เขารักเราและเรารักเขาแค่นี้เลย“

คิดว่าจากพะโล้หม้อเดียวเปลี่ยนชีวิตให้เรากลายมาเป็นผู้นำด้านอาหาร?

”จริงๆ เปลี่ยนในวงการอาหารดีกว่า คือเราอยู่ในวงการบันเทิงอยู่แล้วแต่พะโล้ม่อนน่ะไม่ทำให้วงการอาหารทั้ง ไลน์แมนหรือทุกคนมองพี่เอมากขึ้นได้ยินเสียงพี่เอดังขึ้นแต่เมื่อก่อนพี่เอพูดเรื่องอาหารคนอาจจะฟังแค่ครึ่งเสียง แต่ถ้าพูดเรื่องดาราคนฟังร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้พูดเรื่องอาหารคนก็ฟังมากขึ้น แล้วพี่เอก็ได้ช่วยเหลือชุมชนมากขึ้น อย่างเช่น เอามะยงชิดมาขายเป็นโปรเจ็กต์ที่เราขายได้เจ็ดหลักเลยซึ่งมหาศาลมากสำหรับการขายมะยงชิดค่ะ ซึ่งการที่ขายได้เยอะก็เพราะว่าเราเอาชาวบ้านมาทำร่วมกับแบรนด์ให้คนที่มีกำลังซื้อในกรุงเทพฯซื้อโปรดักต์ตัวนี้ก็เลยช่วยเหลือชุมชนอีก ปัญหาคือเกษตรกรมาทำแบบนี้ไม่เป็น คนที่ทำแบบนี้เป็นก็ปลูกพืชไม่เป็น เราก็เป็นตัวกลางให้สองคนมาเจอกันได้“

เป็นเจ้าหญิงแห่งวงการอาหาร?

”อย่าเลยค่ะคนสวยเยอะวงการนี้ ก็ให้เรียกพี่เอว่าเป็นคนสวยคนนึงในวงการอาหารก็ได้ค่ะ ทุกคนจะได้เป็นเจ้าหญิงหลายๆ คน (ยิ้ม)“

เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าช่วงไข่พะโล้พีคๆ ได้วันละ 2.5 ล้าน?

“ขายได้เยอะจริงแต่ก็ไม่ได้เหลือเยอะเพราะต้นทุนพี่เอสูง เพราะเราใส่ของดีของแพง เราทำอาหารแบบไม่ได้ตวงความอร่อยอยู่ที่ปากเราเราใส่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะอร่อย”

ก็มีดราม่าว่าราคาสูงไม่เหมาะกับเศรษฐกิจประเทศไทย?

“พี่เอว่ามันสมราคามากกว่าค่ะ อย่างพะโล้พี่เอก็เหลือไม่เยอะเลย ไม่ได้คุ้มกับการทำเท่าไหร่เลยแต่คนกินรู้สึกกินแล้วกินอีกทุกวันนี้พะโล้ก็เลยเป็นจุดสตาร์ตอัพของครัวบ้านเอ พี่เอก็เลยเอาพะโล้ไปเป็นจุดนำทางก็เหมือนที่เราปั้นนักแสดงคนหนึ่งวันนึงมีซุป’ตาร์ต่อไปเราปั้นตัวอื่นมันก็ไม่ยาก ถ้าเขาพิจารณาก็จะดูว่าความเหมาะสมมันเป็นยังไง คุณภาพกับราคาและปริมาณมันเหมาะสมทุกคนก็เลยอุดหนุนจนถึงทุกวันนี้”

จากนี้ไปจะทำเป็นอาณาจักรเลย?

“ตอนนี้มีอาณาจักรครัวบ้านเอแล้วแล้วเดี๋ยวอาณาจักร A fair ก็จะทำทุกที่ในประเทศไทยเดี๋ยวจะไปต่างจังหวัดด้วยค่ะ จะได้ตามหาคนแต่ละจุดแต่ละแหล่งให้เขาเอาสินค้าที่เป็นสินค้าท้องถิ่นท้องที่มาอยู่ใน A fair ด้วยและทุกคนก็สามารถไปจับจ่ายใช้สอยได้อย่างมีความสุขมีเอนเตอร์เทนศิลปินด้วย เดี๋ยวเอาน้องก้านตองมาแร็พคู่กับพี่เอ เพราะทุกคนเรียกร้องเสียงแร็พพี่เอมาก (หัวเราะ)“

ตอนนี้รีวิวอาหารกินอะไรก็กรอบไปหมด?

”อ๋อ..พี่เอเบื่อเสียงฉับๆ แล้ว ก็เลยเอาเสียงเอฟเฟ็กต์กรอบๆ มาใส่บ้าง เพราะเวลากินเสียงฉับๆ แล้วคนบอกศุภไม่สุภาพ แต่เวลากินเสียงกรอบแล้วคนบอกว่าทำไมมันกรอบเหมือนเคี้ยวกระเบื้องเลย แต่มันเป็นลูกเล่นที่ทำให้ทุกคนยิ้มไปด้วย เวลาดูคอนเทนต์พี่เออย่าคิดมากนะคะ ให้หัวเราะไปอย่างเดียวแล้วคิดว่าคนเล่นคอนเทนต์บ้าๆ บอๆ พอค่ะ ไม่ต้องซีเรียสนะคะเราสนุกไปด้วยกัน บางคนก็คอมเมนต์มาแรงๆ พี่เอก็พยายามอ่านแล้วก็ทำใจ ถ้าไม่ด่าพ่อล่อแม่ก็จะไม่ค่อยร้องไห้เพราะเขาแซวกันแบบเพราะรัก อย่างพี่แร็พสดเพลงน้องก้านตอง เขาถึงขั้นบอกว่าฟังเสร็จต้องยกมือสาธุคนนึกว่าเป็นเสียงสวด คือพี่เอตั้งใจมากๆ แต่ไม่รู้ว่าการแร็พมันต้องมีเสียงสูงต่ำหนูว่าเป็นการท่องอาขยานก็คือได้เลย ก็ให้ดูแล้วยิ้มๆ ไปนะคะ“

ด่าแรงก็ปล่อยผ่าน?

”ที่ด่าแรงๆ พี่เอไม่เห็นว่าแรงเลยเพราะเราประนีประนอม ก็ปล่อยผ่านไม่เป็นไรหรอกค่ะให้เขาได้มีอะไรได้เล่นได้คุยก็ถือว่าสนุกนะคะ“