เรื่องปลาหมอคางดำที่หลายคนพุ่งเป้าไปที่เอกชนรายหนึ่ง เพราะมีชื่อขออนุญาตนำเข้าแค่รายเดียว โดยมองข้ามรายอื่นๆ อีกหลายรายที่นำเข้าเช่นกัน แต่ไม่ได้ขออนุญาต พาลให้คิดถึงข่าว บริษัทที่ส่งออกปลาหมอคางดำไปขายใน 17 ประเทศ จำนวนกว่า 3 แสนตัว ในช่วงระยะเวลา 4 ปี (2556-2559)
ปลาหมอคางดำ นับเป็นหนึ่งในปลาที่ได้รับความนิยมเลี้ยงกันในต่างประเทศ ในกลุ่มปลาแปลก หรือ Exotic Freshwater Fish จึงไม่น่าแปลกใจที่พบว่ามีบริษัทในประเทศไทยสนองตอบต่อความต้องการของตลาด และสามารถสร้างรายได้จากการส่งออกปลาชนิดนี้จริง ซึ่งไม่ใช่มีเพียงแค่รายเดียว แต่มีบริษัททำธุรกิจส่งออกปลาตัวนี้มากถึง 11 ราย
ปกติแล้ว บริษัทที่จะส่งออกปลามีชีวิตไปขายยังประเทศต่างๆได้ มักจะต้องมีฟาร์มปลาเป็นของตัวเอง มีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ของตัวเอง พอรัฐออกกฎหมายห้ามนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านปลาชนิดนี้ บรรดาฟาร์มต่างๆก็ต้องทำลายปลาในฟาร์มเพื่อเลี่ยงกฎหมาย ... แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ฟาร์มเหล่านี้มีวิธีการทำลายอย่างถูกต้อง ลำพังวิธีนำเข้ายังไม่โปร่งใส แอบลักลอบนำเข้า หลบหลีกการตรวจสอบจากรัฐ จนเมื่อนำเข้ามาได้แล้วก็คงไม่มีฟาร์มไหนมาลงรายละเอียดว่าต้องทำลายอย่างไร จึงจะป้องกันการแพร่ระบาดได้ เพราะไม่มีใครมากำกับดูแล
ข้ออ้างของบริษัทส่งออกปลาหมอคางดำ พร้อมใจกันกล่าวโทษว่า ชิปปิ้งผู้ส่งออกปลาคีย์ข้อมูลชื่อปลาลงในเอกสารผิดไปจากความเป็นจริง รวม 212 ครั้ง ตลอด 4 ปีนั้นยากที่จะฟังขึ้น นอกจากนี้ ผู้ส่งออกปลาหมอคางดำบางรายยังระบุว่า จริงๆแล้ว ต้องการส่งออกปลาหลังเขียวบ้าง ปลาหมอมาลาวีบ้าง แต่ที่ต้องใส่ชื่อเป็นปลาหมอคางดำ ก็เพื่อหลบเลี่ยงการขอใบกำกับสุขภาพสัตว์น้ำหรือมาตรฐาน GAP ของปลา 2 ชนิดที่ต้องแสดง ฟังแล้วก็ยิ่งฟังไม่ขึ้น ซ้ำร้ายยังตอกย้ำกระบวนการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างบริษัทส่งออกปลากับเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อปลอมแปลงเอกสารสำหรับใช้ในการสำแดงเท็จ ซึ่งไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่ยอมรับได้ และยิ่งทำให้ภาครัฐที่กำกับดูแลเรื่องการส่งออกปลาด่างพร้อย ถึงขั้นเป็นหน่วยงานที่สนับสนุนการสำแดงเท็จ
เรื่องราวของผู้ส่งออกปลาหมอคางดำที่ฉาวโฉ่ออกมาเมื่อปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้เงียบหายเข้ากลีบเมฆ ไม่แน่ใจว่ามีอะไรคืบหน้าไปบ้างหรือไม่ ลำพังข้อแก้ตัวดังกล่าวข้างต้นก็ทำให้คลายสงสัยกันได้จริงหรือ หรือหลายคนอาจคิดว่าเวลาผ่านมาถึงป่านนี้แล้ว ก็คงยากที่จะจับมือใครดม สู้หันไปจ้องเล่นงานผู้ขออนุญาตนำเข้าอย่างถูกต้องเลยดีกว่า แม้จะผ่านมากว่า 15 ปี ก็ยังมีชื่อติดในระบบอยู่ดี ... หากคิดกันแบบนี้กันจริงๆ ก็เป็นเรื่องน่าเศร้า
โดย : อร่าม ทองพูล