จับตา ! นายกฯนั่งหัวโต๊ะประชุมกพช. พรุ่งนี้ ลุ้นเคาะกรอบค่าไฟรอบปลายปี (ก.ย.-ธ.ค. 68) หลังงวดล่าสุด (พ.ค. – ส.ค.68) ใช้เงิน claw back อุ้มลดเหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (6 พ.ค. 68) เวลา 14.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 (ครั้งที่ 171)
โดยระเบียบวาระสำหรับการประชุมในครั้งนี้คือ เพื่อรับทราบความคืบหน้าแนวทางการกำหนดโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ และการดำเนินการต่อไปของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน รวมถึงรับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด สำหรับปี 2566-2573
ขณะเดียวกัน ในที่ประชุมจะได้ร่วมกันพิจารณานโยบายและแนวทางการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้า งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2568 อีกด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุม กกพ. ครั้งที่ 16/2568 ในการประชุมวันที่ 30 เมษายน 2568 มีมติเห็นชอบปรับลดอัตราค่าไฟงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2568 ลง 17 สตางค์ เหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย จากมติกกพ. วันที่ 26 มีนาคม 2568 ที่มีการตรึงค่าไฟไว้ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย โดยเป็นการรับทราบตามมติคณะรัฐมนตรีที่กำหนดกรอบเป้าหมายไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย ไม่ใช้งบประมาณจากรัฐบาล
สำหรับการปรับลดค่าไฟลง 17 สตางค์ เหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย เป็นการปรับลดจากค่าไฟ 4.15 บาทต่อหน่วย โดยเรียกคืนของผลประโยชน์ส่วนเกิน หรือ Claw Back ประมาณ 12,200 ล้านบาท เกิดจากการพิจารณาการลงทุนของการไฟฟ้า มีการประเมินสถานการณ์ซึ่งอาจจะเกินไปกว่าที่คาดการณ์ไว้
จึงเหลือเงินส่วนดังกล่าวเก็บไว้ ตามกฎหมายระบุว่าเงินส่วนนี้ ตามมาตรา 34(2) หากมีเงินส่วนเกินและ กกพ.ตรวจพบ สามารถนำเงินส่วนนี้ไปปรับลดค่าไฟให้กับประชาชนในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤต ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลมีความห่วงใยในสภาวะเศรษฐกิจดังกล่าว โดยมีผลทันทีวันที่ 1 พฤษภาคม 2568
ซึ่งสำหรับค่าไฟในงวดปลายปีนั้น ดร.พูลพัฒน์ ลีละสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ.กล่าวว่า กกพ.จะต้องติดตามผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลก พิจารณาค่าเชื้อเพลิง การเจรจาการค้า สภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป