ส่อง Comment สังคมออนไลน์ หลังดร.โสภณ โพสต์ฟาดท่าเต้น ‘ลิซ่า BLACKPINK’ จุดชนวนวิพากษ์ร้อน!
จากโพสต์ของ ดร.โสภณ พรโชคชัย นักวิชาการชื่อดังด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ออกมาแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในเชิงตำหนิท่าเต้นของ ลิซ่า BLACKPINK ในการแสดงคอนเสิร์ตว่า “ไม่เหมาะสมกับสังคมไทย” กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์อย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ชื่อของ “ดร.โสภณ” และ “ลิซ่า” ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ พร้อมมีการแชร์ภาพ คลิป และคอมเมนต์นับหมื่นในทุกแพลตฟอร์ม
จุดเริ่มดราม่า: โพสต์ที่จุดไฟ
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ดร.โสภณ โพสต์ข้อความระบุว่า “ท่าเต้นของลิซ่าในคอนเสิร์ตที่กรุงเทพฯ ไม่เหมาะสมกับบริบทวัฒนธรรมไทย ดูยั่วยวนเกินไปในที่สาธารณะ” พร้อมแนบคลิปการแสดงบางช่วงของลิซ่า ซึ่งเขาใช้เป็นตัวอย่างประกอบคำวิจารณ์
โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ไปอย่างรวดเร็ว โดยมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ต่างฝ่ายต่างแสดงความเห็นอย่างเผ็ดร้อน นำไปสู่การตั้งคำถามถึงเจตนาและแนวคิดของนักวิชาการกับศิลปะสมัยใหม่
เสียงจากแฟนคลับ: “อย่าเหมารวมศิลปะกับศีลธรรม”
กลุ่มแฟนคลับของลิซ่าในประเทศไทยและต่างประเทศออกมาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว โดยใช้แฮชแท็ก #RespectLisa และ #SupportLisa ติดเทรนด์อันดับต้นๆ บน X (Twitter)
หลายคนชี้ว่าท่าเต้นของลิซ่าอยู่ในกรอบของการแสดงระดับโลก และเธอเป็นตัวแทนศิลปินไทยที่ประสบความสำเร็จในเวทีระดับสากล คอมเมนต์หนึ่งที่ได้รับความนิยมระบุว่า “ลิซ่าไม่ใช่แค่ศิลปิน K-pop แต่คือสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและความสามารถ ไม่ควรนำวัฒนธรรมที่ล้าหลังมาตัดสินการแสดงของเธอ”
ฝั่งเห็นด้วยกับดร.โสภณ: “ศิลปะต้องเคารพขนบธรรมเนียม”
ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ใช้งานโซเชียลบางส่วนที่แสดงความเห็นสนับสนุน ดร.โสภณ โดยมองว่าท่าเต้นบางท่าดู “โจ่งแจ้งเกินไป” สำหรับบริบทสังคมไทย โดยเฉพาะในคอนเสิร์ตที่มีเยาวชนเข้าชมจำนวนมาก
บางความเห็นระบุว่า:
“ศิลปะคือเสรีภาพ แต่ต้องไม่ล้ำเส้นจริยธรรมของสังคม การเป็นคนดังควรเป็นแบบอย่าง ไม่ใช่ทำอะไรก็ได้เพราะอ้างว่าศิลปะ”
เสรีภาพทางศิลปะ vs ค่านิยมไทย: ความขัดแย้งที่ยังไม่จบ
ประเด็นนี้ตอกย้ำข้อถกเถียงสำคัญเรื่อง “เสรีภาพในการแสดงออก” ในบริบทของสังคมไทยยุคใหม่ หลายคนตั้งคำถามว่า เหตุใดศิลปะที่ได้รับการยอมรับระดับโลก กลับถูกตีกรอบด้วยค่านิยมที่อาจล้าสมัย
นักวิชาการบางคนเสนอว่า ประเทศไทยต้องแยกแยะระหว่าง “รสนิยมส่วนบุคคล” กับ “มาตรฐานศีลธรรม” และเปิดพื้นที่ให้ศิลปินสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตัดสินด้วยบรรทัดฐานเดียว
ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของดร.โสภณ
หลังโพสต์ดังกล่าว กลุ่มนักศึกษา อดีตลูกศิษย์ และประชาชนทั่วไปบางส่วนได้ออกมาโพสต์ข้อความระบายความรู้สึก บางรายถึงขั้น “แอนฟอลโลว์” หรือเรียกร้องให้ถอนตัวจากเวทีวิชาการ โดยมองว่าความเห็นของเขาไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของสังคมที่เปิดกว้าง
แม้ดร.โสภณจะยืนยันในภายหลังว่า “ไม่ได้มีเจตนาโจมตีตัวบุคคล แต่ต้องการสะท้อนมุมมองต่อสังคม” แต่กระแสสังคมก็ได้เปลี่ยนภาพจำของเขาไปอย่างมีนัยยะ
บทเรียนจากดราม่าครั้งนี้
1.ศิลปินกับความรับผิดชอบทางสังคม – ศิลปินต้องตระหนักถึงผลกระทบที่ตามมา แต่ไม่ควรถูกจำกัดด้วยกรอบที่ทำลายเสรีภาพในการสร้างสรรค์
2.นักวิชาการกับความเข้าใจในโลกยุคใหม่ – การแสดงความเห็นในที่สาธารณะต้องมาพร้อมกับความเข้าใจในบริบทปัจจุบัน เพื่อไม่ให้กลายเป็นการสร้างความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น
3.โซเชียลมีเดียในฐานะเวทีวัดพลังสังคม – ปฏิกิริยาที่รวดเร็วและรุนแรงจากชาวเน็ตแสดงให้เห็นว่า เสียงของประชาชนมีอิทธิพลสูงในยุคดิจิทัล และสามารถเปลี่ยนทิศทางของประเด็นสาธารณะได้อย่างฉับพลัน
เมื่อวัฒนธรรมเมื่อวัฒนธรรม ศิลปะ และความคิดเห็นมาบรรจบกัน
กรณีของ ดร.โสภณ กับท่าเต้นของลิซ่า BLACKPINK เป็นอีกหนึ่งบทสะท้อนที่ชัดเจนถึงการปะทะกันระหว่าง “ความคิดแบบอนุรักษ์นิยม” กับ “กระแสโลกาภิวัตน์” ซึ่งไม่มีคำตอบที่ตายตัวว่าใครถูกหรือผิด
แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ สังคมไทยกำลังเดินหน้าสู่การตั้งคำถามใหม่ๆเกี่ยวกับ “อะไรคือความเหมาะสม” และ “ใครมีสิทธิ์ในการนิยามมัน” ในยุคที่ความคิดเห็นถูกเปล่งเสียงพร้อมกันนับล้านบนแพลตฟอร์มดิจิทัล
การเคารพความหลากหลายทางวัฒนธรรม ควรเป็นหัวใจหลักในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคมยุคใหม่
#โสภณพรโชคชัย #ลิซ่าBLACKPINK #ข่าววันนี้ #ลิซ่า #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ดรโสภณ #RespectLisa #ศิลปะกับสังคม #เสรีภาพในการแสดงออก #ดราม่าโซเชียล #LisaThailand #ค่านิยมไทย #โซเชียลเสียงแตก #เมื่อศิลปะชนกับศีลธรรม