เป็นอีกประเด็นที่โลกโซเชียลสนใจ หลัง "ทราย สก๊อต" นักอนุรักษ์ทะเลไทย ออกมาเผยถึงการใช้แรงงานเด็กชาวมอแกน ที่อุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์ ต่อมา อุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์ ได้ออกมาชี้แจงประเด็นต่างๆ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (5 พ.ค.68) เพจ อรรถรส ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า สรุปประเด็น "เด็กชาวมอแกน" จากโพสต์ของทราย สก็อต กับคำชี้แจงจากอุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์
ในโพสต์นี้จะชี้แจงเป็น 2 ฝ่าย
ประเด็น : การใช้แรงงานเด็กชาวมอแกนของบริษัททัวร์
- ทราย สก็อต
ระบุว่าเด็กมอแกนอายุ 12-18 ปีถูกใช้เป็นแรงงานในทัวร์: พาเที่ยว ดำน้ำ เสิร์ฟอาหาร
ได้ค่าตอบแทนเพียงเดือนละ 4,000 บาท และได้แค่ "เติมเน็ต" เป็นทิป
บริษัททัวร์มีผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน "เกณฑ์" เด็กมาทำงาน
- อุทยานฯ สุรินทร์
ปฏิเสธไม่มีการจ้างแรงงานเด็ก
เด็กที่อยู่ในพื้นที่ มักตามพ่อแม่ที่ทำงานกับบริษัททัวร์ ไม่ได้ถูกจ้าง
บริษัททัวร์ยืนยันไม่มีการใช้แรงงานเด็ก รายได้อยู่ที่ 8,000-12,000 บาท (ของผู้ใหญ่)
-------------------------------------
ประเด็น: ค่าจ้างจากอุทยานฯ
- ทราย สก็อต
ระบุว่าชาวมอแกนที่ทำงานให้กับอุทยานฯ ได้ค่าจ้างแค่ 4,000-5,000 บาทต่อเดือน
งานจะเป็นพวก แบกของ ทำครัว ขนกระสอบข้าว
- อุทยานฯ สุรินทร์
ยืนยันว่าจ้างเฉพาะ "ผู้ใหญ่" ค่าจ้างวันละ 200-250 บาท ทำงาน 5 ชั่วโมง มีอาหารให้ 2 มื้อ
-------------------------------------
ประเด็น: การถอดเสื้อถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยวหญิง
- ทราย สก็อต
กล่าวหาว่าบริษัททัวร์ให้เด็กผู้ชายชาวมอแกนถอดเสื้อถ่ายภาพกับนักท่องเที่ยวหญิง มองว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากเด็ก ไม่เหมาะสม
- อุทยานฯ สุรินทร์
ชี้แจงว่า ชายชาวมอแกนถอดเสื้อเป็นวิถีชีวิตหลังเปียกน้ำ
ไม่มีการจัดฉากหรือบังคับถ่ายภาพเพื่อโปรโมตทางเพศ
-------------------------------------
ประเด็น : การมีอยู่ของครูและระบบการศึกษา
- ทราย สก็อต
ระบุว่ามีครูอาสาเพียง 1 คนที่ต้องสอนทุกวิชา
บางครั้งเดินทางไม่ได้ ทำให้เด็กมอแกนขาดโอกาสการศึกษา
- อุทยานฯ
ชี้แจงว่ามีศูนย์การเรียนรู้ (กศน.)
มีครูประจำถึง 4 อัตรา พร้อมหน่วยงานอื่น ๆ ดูแลด้านสุขภาพและความเป็นอยู่
-------------------------------------
ประเด็น: สภาพความเป็นอยู่และที่พักอาศัยของชาวมอแกน
- ทราย สก็อต
ระบุว่าชุมชนมอแกนอาศัยอยู่แออัดบนหาดเล็ก ๆ ยาวเพียง 230 เมตร
บ้านกว่า 100 หลังเรียงชิดกัน สุขอนามัยแย่ ไม่สามารถขยายพื้นที่ได้
-อุทยานฯ สุรินทร์
ชี้แจงว่าหลังเหตุการณ์สึนามิ อุทยานฯ ขอให้ชาวมอแกนมาอยู่รวมกันที่อ่าวบอนใหญ่ เพื่อให้รัฐสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ง่ายขึ้น
ปัจจุบันมีหน่วยงานดูแล ทั้ง กศน. ศูนย์สุขภาพ และเจ้าหน้าที่รัฐสนับสนุน
-------------------------------------
ประเด็น: การช่วยเหลือกรณีน้องชลเสียชีวิต
- ทราย สก็อต
ระบุว่าน้องมอแกนติดต่อมาขอให้ช่วยเรื่องเคลื่อนย้ายศพ
ทรายรู้สึกหดหู่ที่เด็ก ๆ ไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่อุทยาน
- อุทยานฯ สุรินทร์
ชี้แจงว่า ญาติของเด็กจัดการเรื่องเองได้ จึงไม่ได้ร้องขออุทยาน
หากเป็นช่วงฤดูมรสุมจึงจะขอความช่วยเหลือ
-------------------------------------
ประเด็น: เรื่องการ “ขออนุญาต” ก่อนพาเด็กไปดำน้ำทำกิจกรรม
- ทราย สก็อต
ชวนเด็กมอแกนมาร่วมกิจกรรมอาสา เก็บขยะใต้ทะเล เพราะเห็นความสามารถเฉพาะตัว
ให้เหตุผลว่าอยากพาเด็กมาร่วมกิจกรรมเพื่อเปิดโลกและเพิ่มความปลอดภัย เพราะอยู่ในสายตาเจ้าหน้าที่
มองว่าการไม่ให้เด็กมาร่วมกิจกรรมเป็นการจำกัดโอกาส
- อุทยานฯ สุรินทร์
ผู้ปกครองเด็กแจ้งว่า ไม่ได้รับการขออนุญาตจากทรายก่อนพาเด็กไปดำน้ำ
เด็กบอกว่าเหนื่อยและไม่อยากไปซ้ำอีกวัน
ทรายให้ "ของตอบแทน" (แว่น เสื้อผ้า) ไม่ใช่ค่าจ้าง
ทรายไม่ได้แจ้งอุทยาน ว่าจะพาเด็กมาร่วมถ่ายทำคอนเทนต์
-------------------------------------
สรุปข้อเสนอและเจตนารมณ์ของแต่ละฝ่าย
- ทราย สก็อต
อยากเปิดพื้นที่เสียงของชาวมอแกนให้สังคมได้ยิน
ต้องการให้เด็กมอแกนมีโอกาสเท่าเทียม เห็นศักยภาพและควรส่งเสริม
เสนอมุมว่าเด็กเหล่านี้ควรได้เป็นเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ธรรมชาติ เพราะมีพรสวรรค์เฉพาะตัว
- อุทยานฯ สุรินทร์
ยืนยันว่าให้การดูแลชาวมอแกนแล้ว ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย การศึกษา และการจ้างงานอย่างเหมาะสม
ระบุว่าการดำเนินการของทรายบางอย่างละเมิดขั้นตอน และอาจสร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณะ
ข้อเท็จจริงที่ทั้งสองฝ่ายนำเสนอ อาจมองต่างจากมุมที่ยืนอยู่ ทุกเสียงควรถูกฟัง และทุกข้อกล่าวหาควรถูกตรวจสอบ สุดท้าย… สิ่งสำคัญคือการสร้างความปลอดภัยและโอกาสที่เท่าเทียมสำหรับเด็กทุกคน
ภายหลังโพสต์เผยแพร่มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมากว่า คลิปคัลแลน คือคำตอบครับ, ไม่เชื่อใครทั้งนั้น เชื่อในสิ่งที่เห็นในช่อง คัลเลน พี่จอง, ในคลิปคัลแลน เห็นเด็กๆ ทำงานกับกรุ๊ปทัวร์เหมือนเป็นเรื่องปกติ, แนะนำไปดูคลิปคัลแลน ep.น้องๆมอร์แกนค่ะ, ไปดูคลิปพี่จองกับคัลแลนได้เลย เด็กๆๆทั้งนั้น ที่ดูแล นทท ทั้งไกค์ ทั้งเข็นรถใส่กระเป๋า
ขอบคุณ เพจ อรรถรส