สโมสรในไทยลีก ได้นัดประชุมเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้มีการพูดคุยในหลายประเด็น ถึงทิศทางการดำเนินการในฤดูกาลต่อไป

สำหรับประเด็นที่น่าสนใจ คือ ทีมจากไทยลีก 1 จะแยกตัวออกมาเปิดบริษัทเพื่อจัดการแข่งขันกันด้วยตัวเอง ไม่อยู่ภายใต้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพื่อจะได้บริหารจัดการสิทธิประโยชน์ด้วยตัวเอง ทำให้สโมสรจะได้รับเงินมากกว่าที่เคยได้รับในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุปออกมา เพียงแต่พูดคุยและจะต้องประเมินข้อดี-ข้อเสีย

สำหรับในเรื่องการการแยกไทยลีกจากสมาคมฯ ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี พ.ศ.2566 ในช่วงที่ไทยลีกไม่สามารถหาผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลได้ เคยมีการเสนอแนวคิดนี้มี นายเนวิน ชิดชอบ ประธานบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, นายปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานบีจี ปทุม และ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ที่ตอนนั้นเป็นประธานการท่าเรือ เอฟซี เป็นแกนนำ แต่โปรเจคต์ถูกพับไปก่อนที่ มาดามแป้ง จะได้รับเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมฟุตบอลฯ ในเวลาต่อมา

ส่วนในเรื่องอื่นนั้น อาทิ ความกังวลต่อเรื่องของผู้ถือลิขสิทธิถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีกซึ่งปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุป ซึ่งต้องเร่งให้ได้ข้อสรุปภายในเดือนพ.ค. เพื่อให้สโมสรสามารถดำเนินการต่อไปได้

ในเรื่องระเบียบแข่งขัน ยังมีพูดคุยถึงระบบจัดอันดับในลีก จากเดิมที่หากคะแนนเท่ากัน จะดูผลการเจอกัน “เฮดทูเฮด” เป็นวัดผลต่างประตูได้เสีย ขณะที่การตกชั้นจะปรับให้ตกชั้นอัตโนมัติแค่ทีมเดียว แล้วนำเอาอันดับ 12-15 มาเพลย์ออฟเพื่อหาอีก 2 ทีมตกชั้น

ขณะที่เรื่องโควตาฟุตบอลสโมสรชิงแชมป์อาเซียน ซึ่งทางสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (เอเอฟเอฟ) ไม่ได้กำหนดว่าแต่ละประเทศจะต้องส่งทีมใดเข้าแข่ง ซึ่งปีที่ผ่านมา บุรีรัมย์ ที่ไปเล่นทั้งสโมสรอาเซียน และเอเชีย เจอปัญหาโปรแกรมแข่ง ทำให้ที่ประชุมพูดคุยกันว่าควรจะให้ทีมลำดับถัดๆ ไป ที่ไม่ได้สิทธิเล่นในถ้วยเอเชีย ได้ไปเล่นในถ้วยอาเซียน เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาดโควต้า ทว่าก็มีทีมที่ไม่เห็นด้วยเพราะเงินรางวัลที่ได้มีจำนวนมากพอสมควร ทำให้เรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุป.