ครม. รับทราบรายงานภาพรวมสถานการณ์น้ำในประเทศ 25 เม.ย.-พ.ค. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง น้ำมากเกินร้อยละ 80 จำนวน 29 แห่ง เตือนช่วงพ.ค. 4 จว.ลุ่มน้ำชี เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน
เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมประเทศ ระหว่างวันที่ 25 เม.ย. – 1 พ.ค.68 ของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พบว่า ด้านสภาพอากาศ และการคาดการณ์ฝน ช่วงวันที่ 2 – 7 พ.ค. ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน
ขณะที่ยังคงมีลมใต้ และลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออก
ด้านสถานการณ์แหล่งน้ำทั่วประเทศ ข้อมูล ณ วันที่ 1 พ.ค.68 ในส่วนสถานการณ์แหล่งน้ำปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำทุกขนาดทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวม 45,714 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 57 ของความจุเก็บกัก มากกว่าปี 67 จำนวน 1,982 ล้านลบ.ม.
ขณะที่ อ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่เฝ้าระวังน้ำมาก ซึ่งมีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก จำนวน 29 แห่ง จากทั้งหมด 369 แห่ง แบ่งเป็น ภาคเหนือ 6 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 16 แห่ง ภาคตะวันออก 1 แห่ง และภาคใต้ 6 แห่ง
ทั้งนี้ สทนช. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝน โดยเน้นการลดความเสี่ยงจากอุทกภัย และเตรียมความพร้อมในทุกภาคส่วน พร้อมทั้งสร้างการรับรู้แก่ประชาชน ประชาสัมพันธ์การแจ้งเตือน และจัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือผ่านช่องทางต่างๆอย่างทั่วถึงทันท่วงที
น.ส.ศศิกานต์ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำแม่น้ำโขง ข้อมูลวันที่ 1 พ.ค.68 สถานการณ์ภาพรวมระดับน้ำส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำกว่าตลิ่ง 10.07 ถึง 11.90 เมตร มีแนวโน้มทรงตัว และยังไม่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการใช้น้ำของประชาชน
โดย สทนช. ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย และในฐานะสมาชิกคณะทำงานร่วมภายใต้กรอบความร่วมมือล้านข้างแม่โขง ด้านสาขาทรัพยากรน้ำ (Lancang Mekong Cooperation Joint Working Group : LMC JWG) ได้ตรวจสอบสถานการณ์แม่น้ำโขงในพื้นที่จังหวัดริมแม่น้ำโขง ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยยังไม่ส่งผลกระทบต่อการสัญจรทางน้ำ และกิจกรรมการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และการผลิตน้ำประปาของชุมชนริมแม่น้ำโขง
ทั้งนี้ หากเกิดผลกระทบ สทนช. จะเร่งประสานคณะกรรมการแม่น้ำโขง และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน พิจารณาปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนจิ่งหง เพื่อเพิ่มระดับน้ำแม่น้ำโขงโดยเร็วต่อไป
รองโฆษกรัฐบาล กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 68 ว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 2/ 2568 เห็นชอบมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 68 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 68 และส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในฤดูแล้งปี 68/69
โดย สทนช. ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมสำหรับมาตรการดังกล่าว ทั้งการตรวจสถานะความพร้อมของอุปกรณ์เตือนภัยทั้งประเทศ จัดทำฐานข้อมูลพื้นที่เปราะบางที่มีความเสี่ยง ทบทวนปรับปรุงเกณฑ์บริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำ เตรียมความพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือให้สามารถรองรับสถานการณ์ในช่วงน้ำหลากและฝนทิ้งช่วง ตลอดจนติดตามเฝ้าระวังการรับมือภัยด้านน้ำ
นอกจากนี้ สทนช. ได้ติดตามสภาพอากาศ และสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คาดการณ์ว่า ในช่วงเดือนพ.ค.68 พื้นที่ลุ่มน้ำชี เป็นพื้นที่เสี่ยงเกิดสถานการณ์น้ำท่วม น้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลัน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด และชัยภูมิ
โดย สทนช. ได้จัดส่งข้อมูลพื้นที่เสี่ยงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ในพื้นที่ รวมทั้งติดตามการปรับเกณฑ์บริหารจัดการน้ำ และอ่างเก็บน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อลดลดความเสี่ยงอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น