รู้จัก ‘หมอคู่คิดส์’ แอปปรึกษาสุขภาพแม่และเด็ก ใกล้ชิดเหมือนมีหมออยู่เคียงข้าง
GH News May 08, 2025 06:41 PM

เมื่อลูกน้อยร้องไห้โยเยตลอดคืน จนคุณแม่รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่รู้ว่าสาเหตุแท้จริงที่ลูกร้องเป็นเพราะอะไร และสับสนว่าจะดูแลอย่างไรดี นี่คือช่วงเวลาที่คุณแม่หลายคนเข้าใจดีว่าความกังวลนั้นถาโถมเพียงใด บางครั้งคำถามง่ายๆ อย่าง ‘ควรพาไปหาหมอเลยไหม’ กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะไม่มีคำตอบอยู่ในใจ และความไม่แน่ใจนั้นก็ยิ่งทวีความเครียด

แพลตฟอร์ม ‘หมอคู่คิดส์’ จึงถือกำเนิดขึ้นจากความเข้าใจในความรู้สึกนั้น ด้วยจุดเริ่มต้นเล็กๆ จากทีมคุณหมอที่ตั้งใจอยากเป็นมากกว่าหมอที่รักษาโรค แต่เป็น ‘คู่คิด’ ที่อยู่เคียงข้าง ให้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ เข้าใจง่าย และไม่ตื่นตระหนกเกินจำเป็น

วันนี้เราจึงได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายแพทย์จิรภัทร บุนนาค หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ ‘หมอไอซ์’ แพทย์หนุ่มผู้มากด้วยวิสัยทัศน์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง Lead AI Healthcare Specialist แห่ง Looloo Health บริษัทในเครือ Looloo Technology ผู้อยู่เบื้องหลังแนวคิดในการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามายกระดับการดูแลสุขภาพของแม่และเด็ก ผ่านแพลตฟอร์ม ‘หมอคู่คิดส์’ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้พ่อแม่เข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้สะดวกขึ้นเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการดูแลเด็กยุคใหม่ไปอย่างสิ้นเชิง

จากภาพแม่แบกลูกลงดอย สู่แรงบันดาลใจสร้าง ‘หมอคู่คิดส์’

นายแพทย์จิรภัทร บุนนาค หรือ หมอไอซ์
นายแพทย์จิรภัทร บุนนาค หรือ หมอไอซ์

ความทรงจำหนึ่งที่ยังชัดเจนในใจหมอไอซ์ เกิดขึ้นในช่วงที่เขาเป็นแพทย์จบใหม่ ประจำอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเขาเล่าย้อนไปว่า ผมจำได้แม่นว่ามีคุณแม่คนหนึ่งที่ต้องอุ้มลูกจากหมู่บ้านบนดอยลงมาเรียกรถ เพื่อต่อรถอีกทอดเข้าเมืองมาพบหมอที่โรงพยาบาล เพียงเพราะต้องการถามเรื่องสุขภาพของลูก ซึ่งเป็นเรื่องที่บางครั้งไม่จำเป็นต้องมาถึงโรงพยาบาลก็ได้ หากมีการให้คำปรึกษาที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม

“ปัญหาไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากพาลูกมาหาหมอ แต่เพราะต้นทุนแฝงมันสูงมาก ทั้งค่ารถ ค่าเสียเวลาทำงาน รายได้ที่หายไปในแต่ละวัน พ่อแม่หลายคนเลยต้องเลือก ‘รอ’ แม้บางครั้งปัญหาสุขภาพนั้นไม่ควรจะรอเลยก็ตาม”

ภาพแม่แบกลูกในวันนั้นกลายเป็นแรงผลักดันที่ฝังลึกในใจของหมอไอซ์ และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้าง ‘หมอคู่คิดส์’ แพลตฟอร์มเทเลเมดิซีน (telemedicine) ที่ตั้งใจออกแบบมาเพื่อดูแลแม่และเด็กตั้งแต่แรกเกิดอย่างแท้จริง

“จริงๆ แล้วเทเลเมดิซีนในไทยมีมาสักพักแล้ว โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่เร่งให้ทุกคนหันมาใช้เทคโนโลยีเพื่อดูแลสุขภาพ แต่ส่วนใหญ่เป็นการออกแบบแบบกว้างๆ สำหรับคนทุกกลุ่ม ไม่ได้โฟกัสเฉพาะแม่และเด็ก ทั้งที่ช่วงวัยนี้สำคัญมาก เพราะการดูแลที่ดีใน 2 ปีแรกมีผลต่อสุขภาพและพัฒนาการของเด็กไปตลอดชีวิต”

ทำไม ‘แม่และเด็ก’ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของหมอคู่คิดส์

เมื่อหันกลับมามองบริบทของสังคมไทยในวันนี้ ที่จำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลงต่อเนื่อง หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม ‘หมอคู่คิดส์’ ถึงเลือกโฟกัสที่กลุ่มแม่และเด็ก ซึ่งดูเหมือนจะเป็นกลุ่มที่เล็กลงเรื่อยๆ แต่สำหรับหมอไอซ์ เขากลับเห็นโอกาสสำคัญที่ซ่อนอยู่ในความเปราะบางนั้น

“หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายครอบครัวลังเลที่จะมีลูกคือ ‘ความกลัว’ กลัวว่าจะเลี้ยงลูกได้ไม่ดี กลัวว่าจะดูแลสุขภาพลูกไม่ไหว ถ้าเราสามารถสร้างระบบสนับสนุนที่แข็งแรง ช่วยลดความกังวลเหล่านั้นลงได้บ้าง เด็กที่เกิดขึ้นแม้จะน้อยลง แต่จะมีโอกาสเติบโตอย่างมีคุณภาพ และพ่อแม่เองก็จะมีความสุขกับการเลี้ยงลูกมากขึ้น”

ด้วยเหตุนี้ ‘หมอคู่คิดส์’ จึงไม่เพียงทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มให้คำปรึกษา แต่ตั้งใจเป็น ‘เพื่อนร่วมทางและเพื่อนคู่คิด’ ของพ่อแม่มือใหม่ โดยเฉพาะในช่วงเวลาสำคัญที่สุดตั้งแต่แรกเกิดจนถึงสองปีแรกของชีวิต ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่การดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่การให้นม การนอนหลับ ไปจนถึงพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ล้วนมีผลมหาศาลต่อพัฒนาการของเด็กในระยะยาว

เมื่อเข้าใจถึงความสำคัญของช่วงชีวิตนี้ ‘หมอคู่คิดส์’ จึงเริ่มต้นการดูแลตั้งแต่หลังคลอดทันทีใน 6 เดือนแรก เพราะเชื่อว่าหากวางรากฐานสุขภาพที่แข็งแรงได้ตั้งแต่ต้น เด็กทุกคนจะมีโอกาสเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง สมวัย และเต็มศักยภาพที่สุด

หน้าตาของแพลตฟอร์มหมอคู่คิดส์
หน้าตาของแพลตฟอร์มหมอคู่คิดส์

‘เทเลเมดิซีน’ นวัตกรรมการดูแลสุขภาพที่ง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกครอบครัว

จากประสบการณ์การทำงานในพื้นที่จริง หมอไอซ์มองเห็นปัญหาที่สำคัญที่สุดที่พ่อแม่ในประเทศไทยต้องเผชิญ เมื่อพยายามหาทางเข้าถึงการรักษาสุขภาพของลูกๆ ปัญหานี้ไม่ใช่แค่การขาดแคลนแพทย์หรือค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูง แต่ที่หมอไอซ์เห็นว่าเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดคือ ‘การไม่รู้ว่ามีทางเลือกอะไรบ้าง’ ในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่เหมาะสม โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลหรือชนบทที่การเข้าถึงโรงพยาบาลหรือคลินิกอาจไม่ใช่เรื่องง่าย หลายครั้งที่พ่อแม่ไม่รู้ว่ามีบริการที่สะดวกและราคาถูกกว่าที่พวกเขาคิด หรือรู้สึกว่าการใช้งานบริการนั้นยุ่งยากเกินไป

หมอไอซ์ เล่าว่า โรงพยาบาลหลายแห่งมีบริการเทเลเมดิซีน แต่ปัญหาคือมันไม่ได้ถูกออกแบบมาในรูปแบบที่ง่ายและเข้าถึงได้สำหรับพ่อแม่มือใหม่ และที่สำคัญคือมันไม่ได้ออกแบบมาเฉพาะสำหรับแม่และเด็ก พ่อแม่จึงไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร หรือบางครั้งก็รู้สึกว่าการใช้งานมันยุ่งยากเกินไป จึงทำให้พวกเขามักไม่ใช้บริการที่มีอยู่

ด้วยปัญหานี้เองที่ทำให้หมอไอซ์และทีมงานตัดสินใจสร้างแพลตฟอร์มหมอคู่คิดส์ขึ้นมา เพื่อเติมเต็มช่องว่างในตลาด โดยจุดมุ่งหมายหลัก คือ การทำให้บริการเทเลเมดิซีนสำหรับแม่และเด็กเป็นเรื่องง่ายที่สุด และสามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคน

หมอไอซ์ ยังเน้นย้ำอีกว่า เราตั้งใจให้บริการของเราสามารถใช้งานได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้วสัมผัส เพื่อทำให้การเข้าถึงบริการสุขภาพสำหรับแม่และเด็กง่ายและสะดวกขึ้น โดยการนำเสนอการปรึกษาแพทย์ผ่านแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย และการใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok เพื่อทำ Short Content ที่เข้าใจง่ายจากกุมารแพทย์และพยาบาลวิชาชีพ ที่จะช่วยให้พ่อแม่สามารถหาคำตอบได้อย่างรวดเร็ว

‘หมอคู่คิดส์ x LINE Health’ เพิ่มความสะดวกในการดูแลสุขภาพแม่และเด็ก

แม้แอปพลิเคชันของหมอคู่คิดส์จะถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายที่สุดแล้ว แต่เมื่อลงพื้นที่จริงเพื่อสัมภาษณ์พ่อแม่ในหลายจังหวัด หมอไอซ์และทีมงานพบว่า สำหรับบางครอบครัว โดยเฉพาะในต่างจังหวัด การดาวน์โหลดแอปใหม่ยังคงเป็นอุปสรรค พ่อแม่หลายคนสะท้อนเสียงตรงกันว่า อยากเข้าถึงบริการสุขภาพผ่านช่องทางที่คุ้นเคยและใช้เป็นประจำอยู่แล้ว อย่าง ‘LINE’

จากข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการลงพื้นที่ครั้งนี้เอง ทำให้หมอคู่คิดส์ตัดสินใจขยายช่องทางบริการ ด้วยการร่วมมือกับ ‘LINE Health’ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเข้าถึงแพทย์ให้สะดวกยิ่งขึ้น โดยหมอคู่คิดส์กลายเป็นแพลตฟอร์มแรกที่ให้บริการดูแลสุขภาพแม่และเด็กผ่าน LINE Health ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 พ่อแม่สามารถเริ่มต้นปรึกษาแพทย์ได้ง่ายๆ เพียงแค่ทักแชต ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปเพิ่มให้ยุ่งยากอีกต่อไป

การเชื่อมโยงบริการของหมอคู่คิดส์กับ LINE Health จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มอีกหนึ่งช่องทาง แต่เป็นการลดอุปสรรคด้านเทคโนโลยี ทำให้บริการดูแลสุขภาพแม่และเด็กเข้าถึงครอบครัวไทยได้ง่ายขึ้น ตอบรับกับพฤติกรรมการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน และสอดคล้องกับเป้าหมายของหมอคู่คิดส์ที่อยากทำให้ทุกครอบครัวสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพได้อย่างไร้รอยต่อ

ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน หมอคู่คิดส์ก็พร้อมเป็นที่พึ่งในยามลูกน้อยเจ็บป่วย

อย่างไรก็ดี หมอไอซ์ ยังเผยถึงวิสัยทัศน์หลักของ Looloo Health ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของหมอคู่คิดส์ด้วยว่า เราต้องการทำให้การดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพสามารถเข้าถึงได้ง่ายและราคาจับต้องได้สำหรับทุกคน หรือที่กล่าวว่า ‘want to make quality healthcare more accessible and affordable for everyone’ ซึ่งสะท้อนถึงเป้าหมายที่ต้องการให้ทุกครอบครัวเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียมและมีราคาที่เหมาะสม 

ดังนั้น ในขั้นแรกหมอคู่คิดส์จึงเปิดให้บริการฟรี เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ และหากต้องการคำปรึกษาจากแพทย์เพิ่มเติม ก็จะมีค่าบริการในอัตราที่เหมาะสม เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น

“แพลตฟอร์มของเราได้กำหนดค่าปรึกษาพยาบาลเริ่มต้นไม่ถึง 150 บาท และค่าปรึกษาแพทย์ประมาณ 390 บาท อีกทั้งยังมีโปรโมชันพิเศษในบางช่วง ลดราคาค่าบริการเหลือเพียง 99 บาท นอกจากช่วยให้ครอบครัวประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังลดภาระจากการต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ซึ่งมักมีทั้งค่าใช้จ่ายแฝงและการเสียเวลาโดยไม่จำเป็น”

เมื่อแพลตฟอร์มหมอคู่คิดส์เปิดให้บริการ หมอไอซ์ ได้สะท้อนว่า ผลตอบรับหลังจากเปิดให้บริการแอปเกินความคาดหมาย เพราะผู้ใช้งานไม่ได้กระจุกตัวอยู่เฉพาะในกรุงเทพฯ อย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ แต่กลับกระจายตัวไปทั่วประเทศ ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญอาจมาจากการที่อินเทอร์เน็ตและสมาร์ตโฟนได้เข้าถึงเกือบทุกครัวเรือนในประเทศไทย ทำให้บริการเทเลเมดิซีนสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดด้านสถานที่และเวลาได้

อีกทั้งหมอคู่คิดส์ยังสามารถช่วยเหลือได้แม้ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่อยู่ไกลถึงต่างประเทศ ดังเช่นในเคสของคุณแม่ที่พาลูกเดินทางไปต่างประเทศแล้วลูกป่วย ท่ามกลางระบบสุขภาพที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงของที่นั่น เธอสามารถค้นหาทางออกได้ด้วยการเจอแพลตฟอร์มหมอคู่คิดส์ผ่านการค้นหาออนไลน์ และได้รับการปรึกษาจากทีมแพทย์พยาบาลทันที ช่วยลดความกังวลของพ่อแม่ในช่วงเวลาวิกฤต

แม้เทเลเมดิซีนจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพ แต่หมอไอซ์ย้ำชัดว่า เทคโนโลยีนี้ไม่สามารถทดแทนการตรวจร่างกายจริงได้ ด้วยเหตุนี้ ทีมแพทย์ของหมอคู่คิดส์จึงต้องดำเนินการประเมินอาการอย่างรัดกุม โดยอาศัยการซักประวัติอย่างละเอียด ร่วมกับวิเคราะห์จากการพูดคุยและดูภาพประกอบอาการ 

“หากพบว่าอาการของผู้ป่วยมีแนวโน้มรุนแรง ทีมแพทย์จะรีบแนะนำให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม แม้ว่าจะมีข้อจำกัดบางประการ แต่เทเลเมดิซีนก็พิสูจน์แล้วว่าสามารถตอบโจทย์การดูแลสุขภาพเบื้องต้นได้ดี ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา และลดความเครียดกับบรรดาพ่อแม่ได้”

‘ประเมินพัฒนาการและสุขภาพของเด็กได้ที่บ้าน’ บริการฟรีจากหมอคู่คิดส์ 

นอกจากการดูแลโรคทั่วไปแล้ว หมอคู่คิดส์ยังพัฒนาแพลตฟอร์มให้มีฟีเจอร์สำหรับประเมินพัฒนาการเด็ก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไม่กี่แอปเทเลเมดิซีนที่ให้บริการด้านนี้ โดยออกแบบมาเพื่อให้พ่อแม่สามารถตรวจสอบพัฒนาการของลูกในช่วงวัย 0-2 ปีได้ด้วยตัวเอง 

เช่น การประเมินว่าลูกสามารถหยิบจับ เดิน หรือพูดได้ตรงตามเกณฑ์หรือไม่ เพราะในหลายครั้ง หากไม่ได้ใส่ใจอย่างจริงจัง พ่อแม่อาจไม่ทันสังเกตเห็นความล่าช้าในการพัฒนาเหล่านี้ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ติดตามน้ำหนัก ส่วนสูง พฤติกรรมการกิน การนอนของเด็ก และการฉีดวัคซีน เพื่อช่วยให้พ่อแม่มีข้อมูลสำคัญสำหรับดูแลสุขภาพลูกอย่างรอบด้าน

สามารถประเมินพัฒนาการของเจ้าตัวน้อยผ่านแพลตฟอร์ม ‘หมอคู่คิดส์’ ได้
สามารถประเมินพัฒนาการของเจ้าตัวน้อยผ่านแพลตฟอร์ม ‘หมอคู่คิดส์’ ได้

บริการพื้นฐานเหล่านี้ หมอคู่คิดส์เปิดให้ใช้งานฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย พ่อแม่สามารถอ่านบทความหรือชมวิดีโอความรู้ที่จัดทำโดยทีมแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลชั้นนำ ซึ่งเนื้อหาครอบคลุมทั้งการดูแลสุขภาพทั่วไป พัฒนาการ และการรับมือกับอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น เพื่อส่งเสริมให้ทุกครอบครัวสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพที่ถูกต้อง และนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

ทั้งนี้ เมื่อพ่อแม่ใช้บริการเทเลเมดิซีนผ่านหน้าจอโทรศัพท์ หนึ่งในข้อกังวลสำคัญที่ตามมาคือ เมื่อไม่มีใบสั่งยา จะรู้ได้อย่างไรว่าควรซื้อยาตัวไหนให้ลูก หมอไอซ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่หมอคู่คิดส์มุ่งเน้นให้บริการกับกลุ่มเด็กอายุ 0–6 เดือน หรือ 0–2 ปีเป็นหลักในช่วงเริ่มต้น เพราะเด็กในวัยนี้มักไม่จำเป็นต้องใช้ยา เพียงแค่ปรับพฤติกรรม ดูแลสุขภาพทั่วไป หรือใช้เพียงน้ำเกลือหยอดจมูกเท่านั้น แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยา แพทย์ของแพลตฟอร์มจะให้คำแนะนำอย่างชัดเจน และออกใบแจ้งชื่อยา เพื่อให้พ่อแม่นำไปซื้อยากับเภสัชกรได้อย่างปลอดภัยและถูกต้อง

‘KooKids Gift Box’ กล่องของขวัญหมอคู่คิดส์ เหมาะสำหรับซื้อเป็นของขวัญให้กับพ่อแม่มือใหม่
‘KooKids Gift Box’ กล่องของขวัญหมอคู่คิดส์ เหมาะสำหรับซื้อเป็นของขวัญให้กับพ่อแม่มือใหม่

ตั้งเป้าช่วยเหลือเด็กไทย 100,000 คน ให้เติบโตแข็งแรงทั่วประเทศ

หมอไอซ์ เปิดเผยอีกว่า แพลตฟอร์มหมอคู่คิดส์ได้ตั้งเป้าหมายที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นว่าจะช่วยเหลือเด็กไทยได้ถึง 100,000 คน ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า แม้ในปีแรกที่ผ่านมาจะสามารถช่วยเหลือได้เพียง 10,000 คน ซึ่งยังห่างจากเป้าหมายที่วางไว้ แต่เราเชื่อมั่นว่า ด้วยการทำงานอย่างต่อเนื่องและการขยายการเข้าถึงบริการให้กว้างขึ้น ตัวเลขนี้จะกลายเป็นจริงได้อย่างแน่นอน

และในอนาคต ‘หมอคู่คิดส์’ มีแผนขยายขอบเขตบริการไปยังการดูแลสุขภาพตั้งแต่ช่วงก่อนคลอด โดยการให้คำแนะนำแก่แม่ตั้งครรภ์ เพื่อวางแผนสุขภาพสำหรับแม่และลูกตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งปัจจุบันทีมงานกำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาและวางแผนอย่างจริงจัง การขยายบริการแบบนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทีมงานที่ต้องการให้ทุกครอบครัวได้รับบริการที่ครบวงจร และตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกช่วงวัย

แม้เส้นทางข้างหน้าจะยังเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่หมอไอซ์และทีมงาน Looloo Health ก็ยืนยันว่าจะไม่ย่อท้อในการเดินทางนี้ พร้อมตั้งเป้าหมายให้เด็กไทยทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในประเทศนี้ ต้องมีโอกาสเติบโตขึ้นอย่างมีสุขภาพดีและแข็งแรง

สำหรับพ่อแม่ที่สนใจสามารถดาวน์โหลด ‘หมอคู่คิดส์’ แอปพลิเคชันหมอเด็กออนไลน์ได้ทั้งบน App Store และ Google Play หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://morkookids.com/

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.