‘น็อต วิศรุต’ เล่าเคยปาร์ตี้หนัก 60 วันติด เผยจุดเปลี่ยนที่ทำให้หันมาดูแลตัวเอง
น็อต วิศรุต เปิดใจในรายการ On the way with Chom ของ ชมพู่ อารยา ถึงเรื่องการดูแลสุขภาพ ทั้งยังเล่าเรื่องอดีตจากชีวิตพังเละ ปาร์ตี้หนัก 60 วัน 60 คืน กลับบ้าน 6 โมงเช้า พร้อมเผยจุดเปลี่ยนที่ทำให้หันมาดูแลสุขภาพตัวเอง
ตอนที่ปาร์ตี้หนักๆ หนักสุดของพี่คือเบอร์ไหน?
“หนักสุดเบอร์ไหนเหรอ ชมมาปลายแล้ว ตอนหนักเนี่ย คือช่วงอายุ 20 ต้นๆ จบมหาวิทยาลัย เพื่อนสนิทเป็นฝรั่งหมดเลย พอจบก็ชอบมาอยู่ที่เมืองไทยกัน เราก็สัญญากันว่า เพื่อนอยู่เมืองไทย 2 เดือน ประมาณ 60 วัน เราก็ made a pact ว่า 60 วัน 60 คืน ต้องปาร์ตี้ทุกคืน ต้องทำให้สำเร็จ ทุกวันนี้เพื่อนที่ทำงานอยู่ฮ่องกงก็ยังคุยกันเรื่องนี้อยู่”
ตอนที่เจ๊งๆ พี่หนักเท่าไหร่?
“ช่วงนั้นไม่ค่อยชั่งเท่าไหร่ แต่น่าจะประมาณ 80 กิโล ไม่มีกล้ามเนื้อเลย จากคนที่อยู่มหาวิทยาลัย 4 ปีเข้าเวททุกอาทิตย์ เตะบอลสุดสัปดาห์ กลับมาเมืองไทยไม่มีอะไรเลย ปล่อยตัว กินทุกอย่าง ดึกๆ ก็ยังกิน ตี 1 – 2 ก็ยังกิน ตอนนั้นไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะเที่ยวถึง 6 โมงเช้า 9 โมง วันเสาร์ยังเตะบอล นอนน้อย กินไม่ดี เวทไม่เล่น กล้ามเนื้อหาย ไม่รู้มันวกกลับมาได้ยังไง อาจจะเพราะมีเมีย มีลูก มีครอบครัว เลยกลับมาดูแลตัวเอง”
จุดที่พี่รู้สึกว่าต้องหันมาดูแลสุขภาพคืออะไร?
“ก็ตอนที่ป๊าป่วยนั่นแหละ พอว่างก็เริ่มหาข้อมูล บางคนบอกมะเร็งเป็นกรรมพันธุ์ แต่เราก็ศึกษาเรื่องอาหาร ไลฟ์สไตล์ยังไงที่จะป้องกันว่ามีอะไรช่วยรักษาได้บ้าง สมัยนั้นยังไม่มีข้อมูลเท่าไหร่ มันก็ต้องใช้เวลา สิ่งที่รู้ก็คือต้องกลับมาปรับไลฟ์สไตล์ใหม่”
ตอนนั้นพี่เปลี่ยนอะไรบ้าง?
“รู้แล้วทำได้หรือเปล่า รู้กับทำมันคนละเรื่องกัน บางคนบอกว่ารู้ว่ากินเยอะอ้วน แต่ห้ามปากได้ไหม รู้ว่าน้ำตาลไม่ดี ห้ามได้ไหม มันคงต้องใช้เวลา สักพักหนึ่งกว่าจะหาความรู้ ต้องมีวินัยและความสม่ำเสมอ กว่าจะเปลี่ยนจนกลายเป็นนิสัย ใช้เวลา 10 ปีถึงจะเป็นไลฟ์สไตล์”
ช่วงที่รู้สึกว่าพี่ก็เริ่มเปลี่ยนชัดๆ ก็คือช่วงที่ชมท้องเกลใช่ไหม?
“ใช่ ก็อย่างที่บอก รู้กับทำมันคนละเรื่อง ต้องใช้เวลา พอรู้ก็พยายามปรับทีละอย่าง ไม่ใช่วันนี้รู้ 10 อย่าง ทำทั้ง 10 อย่าง ต้องค่อยๆ ปรับ เริ่มจากออกกำลังกาย อาหาร ทำทุกอย่างให้มันเป็นไลฟ์สไตล์”
อธิบายไลฟ์สไตล์หน่อย?
“ก็ทำ IF ต้องออกตัวก่อนว่าไม่ได้เป็นหมอ ไม่ได้เป็นผู้รู้ แต่ว่ามาแชร์ประสบการณ์ วิธีการที่จะทำให้ได้ไม่ว่าจะทำอะไรบนโลกนี้ มันต้องสตาร์ตด้วย WHY ทำไมทำ คนเราอยากจะทำให้ตัวเองสำเร็จ ต้องทำให้ตัวเองเชื่อก่อนว่า ทำไมต้อง IF แล้วก็จะเข้าใจ พอเข้าใจแล้วอยากทำ ก็เริ่มทีละอย่าง”
เลือกข้อมูลด้านสุขภาพยังไง เพราะตอนนี้ข้อมูลเยอะมาก?
“อ่านด้วยวิจารณญาณ ชอบอ่าน ฟังหลายด้าน อะไรที่คิดว่ามันใช่ก็เริ่มมาทดลองกับตัวเอง อะไรที่เวิร์กกับเราก็ไม่ได้แปลว่าเวิร์กกับคนอื่น แต่ไม่เชื่อสุดโต่ง ไม่ว่าจะ carnivore หรือ vegan เชื่อว่าต้องมีทางสายกลาง แล้วทดลองกับตัวเอง ทำ IF 16/8 ทยอยทำ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ฝืน ดีกว่าเมื่อวานไปเรื่อยๆ”
อาหารเปลี่ยนไปเยอะไหม?
“อาหารเปลี่ยนเยอะมาก คนเราต้องกินโปรตีนให้พอ ไม่เชื่อว่าต้องกินครบ 5 หมู่ เพราะจริงๆ ร่างกายไม่ต้องการน้ำตาลและแป้งเท่าที่ควร นิดหนึ่ง ส่วนตัวนะเชื่อว่าน้ำตาลกับแป้งเป็นสาเหตุของคอเลสเตอรอลสูงไม่ใช่ไขมัน แล้วก็ทดลองมากับตัวเอง นี่คือความเชื่อส่วนตัว เพราะฉะนั้นอาหารเช้าไม่จำเป็น ทุกวันนี้ตื่นเช้าไม่กินอะไรเลย กินกาแฟ แล้วไปยกเวท จะ 5 ปีแล้วไม่กินอาหารเช้า”
เมนูที่กินประจำคืออะไร?
“กินผักก่อน บล็อกโคลี่ แอสพารากัส ซูกินี มะเขือเทศ หลังจากนั้นก็จะกินโปรตีน ไก่ เนื้อ แซลมอน ไข่วันละ 6 ฟอง กินน้ำมันดีๆ เช่น extra virgin olive oil, ghee และ coconut oil ไม่ใช้น้ำมันพืช ไม่ใส่เครื่องปรุงเยอะ เช้า กลางวัน เย็น 3 มื้อ ถ้าไม่มีนักธุรกิจคุยงาน ก็กินข้าวบ้านทุกวัน”
แล้วฟิตเนสตอนนี้เป็นยังไง?
“ออกกำลังเวทสม่ำเสมอ จัดเวลาทุกเช้า ถ้าไม่ไปโรงงานจะใช้เวลาในยิมอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เปิด Cubic Fitness ร่วมกับเทรนเนอร์ เพื่อให้เป็นไลฟ์สไตล์ถ้าออกกำลังได้สม่ำเสมอ ผลลัพธ์ก็ตามมาเอง”
มีข้อสงสัยอันหนึ่ง เมื่อก่อนถ้าพี่ถือเหล้าในมือจะกระดกทั้งคืนเลยเหมือนไม่รู้ตัว แต่ว่าตอนนี้พี่แทบจะไม่แตะเลย?
“ใช่ คือทุกวันนี้ใครถามว่าดื่มอะไรก็จะบอกว่า วอดก้า เพราะมันใสแต่จริงๆ ไม่ใช่มันคือน้ำเปล่า แล้วเวลาไปปาร์ตี้ก็กินโซดาทั้งคืนเวลาออกไปข้างนอก ไวน์แดงก็กินตามสังคมบางทีแต่ก็จะน้อยมากๆ เกิดขึ้นเพราะการใช้เวลาที่ให้มันเป็นไลฟ์สไตล์ เรารู้แล้วไงดื่มไวน์น้ำตาลเยอะ ดื่มเหล้าแอลกอฮอล์พอลงไปร่างกายเป็นพิษต้องใช้ตับในการที่จะขับของเสียอื่นๆ ก็จะติดข้างอยู่ด้วย ไม่ใช่หมอนะครับแต่ว่าศึกษา เป็นความเชื่อส่วนตัว”
เรื่องนอน?
“พยายามเข้านอนเวลาเดิม ที่บ้าน 2 ทุ่มก็คืออยู่บนเตียงกันหมดแล้ว พี่ก็มีนั่งทำงานนิดหน่อย 5 ทุ่มก็คือพยายามนอนให้ได้ 8-9 ชั่วโมง วัด REM กับ Deep sleep ให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง ถ้าไม่ได้ก็ต้องหาสาเหตุ เช่น กินเยอะเกินไป หรือเครียดเกินไป ทุกวันนี้กลัวคนชวนออกไปข้างนอก กลัวคนชวนไปดื่ม เดี๋ยวนี้นิดเดียวก็ไปหาหมอแล้ว”