พิชัย จ่อถกบอร์ดกระตุ้น รื้อมาตรการศก.ครั้งใหญ่ ไม่ฟัน ‘เลิกหรือเลื่อน’ แจกหมื่นเฟส 3
GH News May 09, 2025 02:00 PM

“พิชัย” จ่อถกบอร์ดกระตุ้นเร็วๆนี้ รื้อมาตรการเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เน้นพึ่งพาในประเทศ ไม่ฟันเลิกหรือเลื่อนแจกเงินหมื่นเฟส3

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากากระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้จะเรียกประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจัยนโยบายภาษีตอบโต้ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา หลังจากได้ข้อรับสั่งการจากน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

นายพิชัย กล่าวว่า ทั้งนี้ ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน การนำเข้าและส่งออกทั้งหมด การท่องเที่ยว การขยายฐานภาษี และรวมถึงการพัฒนาภาคการเกษตร เพื่อนำมาปรับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถือเป็นการจัดทัพเศรษฐกิจไทยใหม่ โดยจะเน้นการส่งเสริมการลงทุน การใช้สินค้าในประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งการลงทุนจะต้องสร้างงานในประเทศเป็นหลัก เพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

“ทุกประเทศมีปัญหาได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์ และอยู่ในช่วงสุญญากาศหมด ไม่มีใครให้คำตอบได้ และตัดสินใจอะไรได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะจบอย่างไร การปรับลดมุมมองของมูดี้ส์ ก็ถือเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่ง ที่เร่งให้ไทยต้องปรับตัว ส่วนเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลืออยู่ในระบบ ก็ต้องพิจารณาความจำเป็นอีกครั้ง” นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าวว่า ส่วนโครงการเติมเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 หมื่นบาท หรือดิจิทัลวอลเล็ต เฟส3 สำหรับกลุ่มอายุ 16-20 ปีนั้น ขณะนี้ยังให้คำตอบไม่ได้ว่าจะยกเลิกโครงการหรือเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากต้องทบทวนความจำเป็นของการใช้เงิน และปรับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ทั้งหมด โดยขณะนี้มีงบประมาณสำหรับโครงการเหลือ 1.57 แสนล้านบาท

นายพิชัย กล่าวว่า สำหรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น จะต้องมีการเตรียมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟต์โลน เพื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ด้วย ซึ่งรัฐบาลจะหารือกับสถาบันการเงิน รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยในเรื่องดอกเบี้ยให้ต่ำลง อย่างไรก็ตามขนาดของวงเงินซอฟต์โลนขึ้นอยู่กับขนาดของปัญหาเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบชัดว่าผลกระทบจะรุนแรงขนาด นอกจากนี้จะเรียกภาคเอกชนมาหารือร่วมกันเพื่อรับฟังความเห็น เพื่อรวบรวมข้อมูลและหาแนวทางที่เหมาะสมในเร็วๆนี้

นายพิชัย กล่าวว่า ส่วนในระยะยาว จะต้องมีการปรับโครงสร้าง และ การพึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้น โดยในส่วนการคลัง ต้องมีจะต้องพิจารณาหาทางขยายฐานภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาล การเตรียมรับมือกับปัญหาหนี้สาธารณะ รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะลดการขาดดุลและกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่กัน ด้านการเกษตรนั้น จะต้องมีการทำโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ทั้งน้ำเพื่อเกษตรกรรม และน้ำเพื่อการอุตสาหกรรม รวมถึงพิจารณาแผนการเพิ่มพื้นที่การปลูกข้าวโพด ที่เรามีความต้องการใช้ปีละ 4.5 ล้านตัน ขณะที่ข้าวโพด ก็เป็นสินค้าที่จีนต้องการด้วย

“ถ้าสหรัฐส่งไปขายจีนน้อยลง จีนก็ต้องขาดสินค้าบางชนิด ซึ่งตนจะต้องเข้าไปสำรวจ เพื่อหาทางส่งสินค้าไปขายจีนเพิ่มขึ้น และเราอาจต้องหาทางปลูกพืชบางชนิดเพื่อทดแทนการนำเข้า อาทิ ข้าวสาลี”นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าว นอกจากนี้ ปตท.ได้ลงนามในสัญญาซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จากสหรัฐแล้ว 1 ล้านตัน และมีแผนที่จะซื้อเพิ่มเติมอีก 1.2 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม ตนกำลังคิดที่จะผลักดันโครงการโรงไฟฟ้าไบโอ ที่ใช้แหล่งเชื้อเพลิงจากวัตถุดิบตามธรรมชาติ เช่น หญ้าเนเปียร์ และข้าวโพด ซึ่งนอกจากจะทำให้ซื้อแอลเอ็นจี ในอนาคตน้อยลงแล้ว ราคาก๊าซที่ได้จากโรงงาน ต้นทุนจะอยู่ที่ 3.50 บาท/หน่วย ซึ่งต่ำกว่าต้นทุน แอลเอ็นจี เล็กน้อย แต่จะได้รับผลพลอยได้ คือ เศษซากที่เหลือจากการทำไบโอแก๊สคือ ปุ๋ย ซึ่งหากเราใช้วัตถุดิบที่ผลิตไบโอแก๊ส 4 หมื่นตัน จะได้เศษซากที่เป็นปุ๋ย ราว 70 % หรือ 2.8 หมื่นตัน ซึ่งสามารถขายในราคาถูกให้กับเกษตรกรได้

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.