ชาวบ้านวอนช่วยเหลือ หลังนายทุนเทน้ำกากส่า ปรับปรุงดินก่อนเพาะปลูก แต่ไม่ไถกลบ ชาวบ้านทนดมกลิ่นมาเป็นเดือน ทั้งเด็กและคนแก่ได้รับผลกระทบเต็มๆ
เมื่อเวลา 14.00น. วันที่ 10 พ.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบกับชาวบ้าน ที่บ้านห้วยเตย ม.9 ต.ศรีสุขสำราญ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น หลังได้รับการร้องเรียนว่าชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นและน้ำเน่าเสีย ที่มาจากพื้นที่เพาะปลูกของนายทุน เนื้อที่ประมาณ 292 ไร่ ที่นำน้ำกากส่า หรือกากน้ำตาลจากอ้อยมาเทเพื่อปรับปรุงดินก่อนทำการเพาะปลูก แต่ไม่มีการไถกลบ ทำให้น้ำเสียดังกล่าวไหลลงมาจากพื้นที่สูง จนกลายเป็นมลภาวะทางกลิ่นโชยเข้ามาในหมู่บ้าน ส่งกลิ่นเหม็นจนแสบจมูก โดยเฉพาะเด็กกับคนแก่ และผู้ป่วยติดเตียง กลายเป็นปัญหาด้านสุขภาพ อีกทั้งน้ำเสียได้ไหลข้ามไปยังแปลงเพาะปลูกของชาวบ้านที่อยู่ติดกัน จนได้รับผลกระทบด้านการเกษตรไปด้วย ไม่สามารถปลูกข้าวหรือทำไร่มันไร่อ้อยได้เหมือนเดิม แหล่งน้ำของชาวบ้านที่มีการขุดสระ ก็ได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกันสัตว์น้ำตายไม่สามารถจับมาทำกินได้เหมือนแต่ก่อน
นายชูชาติ ภูมิภักดิ์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 ม.9 ต.ศรีสุขสำราญ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ผลกระทบจากการทิ้งของเสียดังกล่าวได้สร้างกลิ่นเหม็นให้กับชาวบ้านตลอด 24 ชม. ทำให้คนป่วยติดเตียง เด็ก คนชรา และชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้าน แทบไม่ได้หลับได้นอนกันในตอนกลางคืน เพราะกลิ่นจะแรงมาก ซึ่งเดือดร้อนอยู่อย่างนี้มาเดือนกว่าแล้ว ที่ผ่านมาชาวบ้านพยายามขอให้ทางเจ้าของที่ลดการนำของเสียมาเท หรือใช้วิธีไถกลบให้น้ำเสียซึมลงไปในดินจะได้ไม่เกิดกลิ่นดังกล่าวขึ้น แต่ปรากฏว่าไม่มีการลดจำนวนการเทของเสียมีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากรถบรรทุกน้ำคันเดียว เป็นรถพ่วงบรรจุของเหลว เที่ยวมาเทลงพื้นที่การเกษตรของนายทุนดังกล่าวจากห้าหกเที่ยวตอนนี้เป็น 10 กว่าเที่ยว และถังบรรจุน้ำเสียที่บรรทุกมาก็มีขนาดถังละ 10,000 ลิตร พอเป็นรถพ่วงก็เป็นคันละ 20,000 ลิตรที่นำมาเท
"ปัญหาดังกล่าวไม่ได้มีการแก้ไข จึงได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนมาในครั้งนี้เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวออกไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบช่วยเหลือชาวบ้านด้วย เพราะตอนนี้ส่งผลเสียทางด้านสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิต และสิ่งแวดล้อมต่างๆที่อยู่ในหมู่บ้าน และขณะนี้ไม่ใช่เพียงหมู่บ้านห้วยเตยเท่านั้น ยังไหลไปสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ติดกัน ทั้งบ้านศาลาดินหมู่ 7 ต.ศรีสุขสำราญ อ.อุบลรัตน์ และบ้านโคกสูง ม. 6 ต.ดงเมืองแอม อ.เขาสวนกวาง แล้วตอนนี้ชาวบ้านทุกคนเป็นกังวลในเรื่องของน้ำเน่าเสียจะไหลจากที่สูงลงมาที่ต่ำซึ่งเป็นหมู่บ้าน รวมทั้งพื้นที่การเกษตรและแหล่งน้ำของชาวบ้าน ไม่สามารถเพาะปลูกได้ และไม่สามารถจับปูจับปลาตามวิถีชีวิตของชาวบ้านได้เหมือนเดิมต่อไป และปัญหาดังกล่าวนี้หากยังไม่ได้รับการแก้ไขนับวันก็จะยิ่งเพิ่มความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ ตนเองและชาวบ้านทุกคนเตรียมที่จะยื่นหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นทางการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย
ขณะที่ นางนาเรียม ทับทิมใส อายุ 52 ปี ที่อยู่ 107 ม.7 ต.ศรีสุขสำราญ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ตนเองมีไร่อ้อยเนื้อที่ 5 ไร่ ที่อยู่ติดกับแปลงเพาะปลูกของนายทุนดังกล่าว ตอนนี้ได้รับผลกระทบเต็มๆ คือของเสียได้ไหลข้ามมายังพื้นที่ไร่อ้อยทำให้ออยเริ่มเหลืองจากที่กำลังเขียวๆ และอีกไม่นานก็คงจะยืนต้นตาย ซึ่งน้ำเสียที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการที่นายทุนนำน้ำส่าอ้อยมาเทปรับเตรียมดิน ซึ่งหากมีการไถกลบไปด้วยตอนที่เทก็จะไม่เกิดปัญหานี้ขึ้นมา นอกจากปัญหากลิ่นและปัญหาน้ำเสียไหลสร้างความเสียหายในไร่อ้อยของตนเองแล้ว หลานชายตนเองมี 4 คน สูดกลิ่นของเสียเป็นเวลานานจนหลานชายหนึ่งคนต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะมีปัญหาเรื่องของโรคปอด เที่ยวไปโรงพยาบาลอยู่สองสัปดาห์ ก็อยากจะให้ทางเจ้าของที่ไขกลบหรือเข้ามาแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้เดือดร้อนกับชาวบ้านข้างเคียงด้วย
ด้านนางกำไล ทาศรีภู ปลัดอำเภออุบลรัตน์ หัวหน้ากลุ่มความมั่นคง ทราบว่า กรณีดังกล่าวนั้นทางอำเภอได้ทราบเรื่องความเดือดร้อนของชาวบ้านแล้ว ซึ่งจะได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะเชิญเจ้าของพื้นที่และชาวบ้านมาร่วมพูดคุยถึงปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาและหาทางออกร่วมกันต่อไป